แม้ว่า การทํา if นั้นจะมีประโยชน์อยู่มากมาย แต่ก็มีสิ่งที่ต้องระวัง พร้อมทั้งต้องวางแผนการทำให้เหมาะกับสุขภาพด้วย ดังนั้นถ้าอยากดูแลสุขภาพด้วยวิธีนี้คุณจะต้องเริ่มต้นอย่างไร มีแนวทางหรือตารางแบบไหน เรามาเก็บข้อมูลแล้วนำไปใช้กันดีกว่า
การทํา if คืออะไร
สำหรับ การทําif นั้นคือ การเลือกอดอาหารเป็นช่วง ๆ ถือว่าการทํา if คือ การลดน้ำหนักอย่างถูกวิธี ซึ่งจะไม่ได้เน้นไปที่รูปแบบการกิน แต่เน้นเรื่องช่วงเวลา เพื่อเป็นหนึ่งในแนวทางการลดปริมาณอาหารที่กินต่อวันลง และถ้าอยากให้ได้ผลพร้อมทั้งดีกับสุขภาพมากขึ้นคุณควรทํา if ไปพร้อมกับการเลือกอาหารที่ดีกับสุขภาพมากิน เมื่อสองอย่างนี้ทำคู่กันจะได้ผลที่น่าพอใจในหลาย ๆ มิติอย่างแน่นอน
เทคนิค การทํา if ที่ง่ายและได้ผลจริง
เราเตรียมเทคนิคและตารางเกี่ยวกับการทํา if มาฝากกัน ซึ่งถือว่าเป็นตารางทํา if มือใหม่รูปแบบต่าง ๆ ที่สามารถนำไปปรับใช้ได้จริงอย่างแน่นอน
- ทํา if 16/8
การทําif 16/8 ตารางนี้ถือว่าเป็นที่นิยมมากที่สุด และคุณสามารถนำไปปรับใช้ได้อย่างแน่นอน โดยมีช่วงอด 16 ชั่วโมง และกิน 8 ชั่วโมง ซึ่งคุณจะเริ่มมื้อแรกในช่วง 12.00 ซึ่งถ้าถามว่าการทํา if 16/8 กินยังไง หากตื่นก่อนให้เลือกดื่มน้ำ กาแฟดำ หรือน้ำอุ่นผสมมะนาว เลือกสิ่งที่ไม่มีแคลอรี่หรือแคลอรี่น้อยเข้าไว้ถึงจะทำให้ IF อย่างมีประสิทธิภาพ จากนั้นก็เริ่มกินโดยเน้นโปรตีน ไขมันดี ผัก ผลไม้น้ำตาลต่ำ โดยมื้อสุดท้ายต้องเรียบร้อยก่อน 18.00 และเริ่มเข้าสู่ช่วงอดต่อไป
- ทำ IF 19/5
หากเลือกทำ IF แบบนี้คุณสามารถอ้างอิงเมนูได้ไม่ต่างจากแบบ 16/8 แต่ถือว่าเป็นขั้นกว่า เหมาะกับคนที่เริ่มปรับตัวกับการทำ IF มาได้ระยะหนึ่งแล้ว ซึ่งจะเรียกกันว่าสูตร FAST FIVE ดังนั้นเพียงวางแผนช่วงเวลา 5 ชั่วโมงที่กินได้ให้ดีว่าจะเพิ่มประโยชน์อะไรให้ร่างกายบ้าง จากนั้นก็จะได้หุ่นและสุขภาพที่ดีขึ้นแบบง่าย ๆ
- ทำ IF 5 : 2
การทํา ifแบบนี้จะไม่ใช่ชั่วโมงในการกิน แต่จะเป็นวันในการกิน คือให้คุณกินปกติ 5 วัน และกินแบบ FASTING 2 วัน โดยคุณจะเลือกทำติดกันหรือห่างกันก็ได้ตามความสะดวก แต่ไม่ได้ให้คุณอดอาหารทั้งวัน แต่เลือกกินให้น้อยที่สุดเพียงไม่เกิน 500-600 แคลอรี่ต่อวัน หรือเน้นกินแค่มื้อเดียวในปริมาณที่ไม่เยอะนั่นเอง
การทํา if เหมาะกับใครบ้าง
เรามาดูกันว่า ทํา if นั้นเหมาะกับใครบ้าง ซึ่งก่อนอื่นเราจะตอบก่อนว่าการทํา if มีกี่แบบ โดยในตอนนี้ IF ที่นิยมทำจะมี LEAN GAINS 16/8, FAST 5 คือ อด 19 กิน 5, EAT STOP EAT คืออดตลอดทั้งวัน 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์ และสุดท้ายแบบ 5:2 นั่นเอง และใครที่เหมาะกับการดูแลสุขภาพด้วยวิธีเหล่านี้บ้างมาดูกัน
- คนที่กำลังวางแผนในการลดน้ำหนักอย่างเร่งด่วนเพื่อให้ได้รูปร่างและน้ำหนักที่ต้องการอย่างรวดเร็ว
- คนที่ไม่ได้ทำงานใช้แรงงานหนักในแต่ละวัน อย่างเช่น งานที่นั่งทำงานเป็นส่วนใหญ่ ไม่ต้องเคลื่อนไหวเยอะ หรือใช้พลังงานมาก
- คนที่มีตารางในการทำงานชัดเจน ส่งผลให้สามารถวางแผน IF ได้สะดวก และได้อย่างต่อเนื่อง
- คนที่สามารถควบคุมการกินได้อย่างมีวินัย และเลือกกินอาหารเพื่อสุขภาพได้
นอกจากนี้ยังมีคนที่ไม่เหมาะกับ IF เช่นกัน เพราะอาจเป็นอันตรายกับสุขภาพได้ เช่น คนที่มีการตรวจพบว่าขาดสารอาหาร, เด็ก ๆ ที่อายุต่ำกว่า 18 ปี, คนท้องหรือกำลังให้นมลูก, คนที่ลดน้ำหนักด้วยวิธีอื่นอยู่, คนที่มีโรคประจำตัวควรปรึกษาแพทย์ก่อนทำ, คนที่ไม่ค่อยมีเวลาพักผ่อน, คนที่ยังต้องกินยาเป็นประจำ
การทําif มีข้อดีที่น่าสนใจ และถ้าคุณวางแผนพร้อมทำได้อย่างมีระเบียบ ต่อเนื่อง พร้อมทั้งให้ช่วงเวลาในการกินนั้นมีแต่อาหารคุณภาพรับรองว่าทั้งรูปร่างและสุขภาพของคุณจะดีมากขึ้นอย่างแน่นอน แต่ถ้าคุณมีร่างกายที่ยังไม่เหมาะสมบอกเลยว่าอย่าฝืน มีอีกหลายวิธีให้คุณได้ดูแลรูปร่างอย่างเหมาะสมรออยู่เช่นกัน
อ่านบทความอื่นๆ: