Categories
health lucky item

ผิวสวยเรียบเนียนด้วย เกลือสปา ขัดผิว

     สำหรับใครเพิ่งเริ่มจะหันมาดูแลตัวเองจริงจังมากขึ้นในช่วงนี้ ไม่ว่าจะเป็นคุณผู้หญิงหรือคุณผู้ชายก็ตาม ทางเราขอแนะนำวิธีที่ดีที่สุดสำหรับการฟื้นฟูผิวเบื้องต้นนั่นก็คือ การสครับผิวด้วย เกลือสปา นั่นเอง การสครับผิวด้วยเกลือสปานั้นก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกหนึ่งที่ง่ายและเห็นผลได้ดีแถมยังสะดวกสบายอีกด้วย เพราะมีสูตรสำเร็จมาให้เราเลือกมากมายแล้วในตอนนี้ เพียงแค่คุณทำเป็นประจำต่อเนื่องอย่างสม่ำเสมอก็จะช่วยให้คุณฟื้นฟูผิวได้ไวยิ่งขึ้นทันที

เกลือสปา ขัดผิว ขัดง่ายและเห็นผลได้ดีจริงไหม

     ขอตอบตรงนี้นะคะว่าจริง ถ้าคุณนำ เกลือสปา มาขัดผิวอย่างเป็นประจำและสม่ำเสมอมันจะเห็นผลเร็วแน่นอนแต่ต้องบำรุงควบคู่ไปด้วยนะคะ แต่ถ้าคุณทำในระยะเวลาสั้น ๆ มันก็อาจจะยังไม่ได้ดูกระจ่างใสอะไรขึ้นมากนัก แต่มันจะช่วยทำให้ผิวของคุณเรียบเนียนยิ่งขึ้นแน่นอน นอกจากนี้คุณจะยังรู้สึกถึงความ สบายผิว ตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้ขัดอีกด้วย เพราะว่าเกลือสปาส่วนใหญ่จะมีส่วนผสมของน้ำนมด้วย มันจะช่วยปลอบประโลมผิวของคุณให้อ่อนนุ่มยิ่งขึ้นตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้ใช่แน่นอน

     สำหรับใครที่ถามว่า เกลือสปา ขัดผิวมันจะก่อให้เกิดอาการแสบหรือระคายเคืองไหมในระหว่างที่ขัด ขอตอบว่า ไม่แสบหรือระคายเคือง นะคะ แต่อาจจะมีอาการคันยุบยิบบ้างเล็กน้อย เพราะเกลือที่เราขัดกำลังทำปฏิกิริยาและผลัดเซลล์ผิวเก่าของเราออก แต่ถ้าใครที่มีอาการแสบ ร้อนที่ค่อนข้างรุนแรง แนะนำว่าให้อ่านและศึกษาดี ๆ ก่อนนะคะ บางคนอาจจะเป็นผิวที่บอบบางและแพ้ง่าย 

ถ้าอยากขาวและเนียนนุ่มไวยิ่งขึ้น สามารถผสมกับสูตรธรรมชาติได้ไหม

     ส่วนตัวเราเอง เราก็แนะนำว่าให้ใช้ด้วยกันได้นะคะ ถ้าต้องการความบำรุงที่ล้ำลึกมากขึ้นจริง ๆ และต้องการเห็นผลที่ค่อนข้างไว แนะนำว่าให้ลองใช้ เกลือสปา ขัดผิวที่ซื้อมากับวิธีทางธรรมชาติดูเช่น หลังจากขัดตัวเสร็จด้วยเกลือสปา ลองเอาโยเกิร์ตผสมกับน้ำผึ้งหรือใส่น้ำมะนาวด้วยเล็กน้อย มาทำการมาร์คทิ้งไว้อีกซัก 10-15 นาที ก็จะทำให้ผิวของคุณดูเนียนนุ่มมากยิ่งขึ้นก็ได้นะ มันมี วิธีทำง่าย และเห็นผลไวจริง ๆ และสำหรับใครที่อยากรู้ว่ายี่ห้อไหนดี ยี่ห้อไหนราคาจับต้องได้บ้าง เราขอแนะนำเป็นยี่ห่อทั่วไปที่มีขายตาม 7-11 หรือยี่ห่อที่คุณคิดว่าถูกและคุณลองเลือกสูตรตามที่คุณชอบเลยดีกว่า เพราะว่าปัจจุบันมันมีหลายสูตรมาก แล้วแต่ว่าสภาพผิวของคุณต้องการอะไร ไปตำค่ะทุกคน สวยง่ายภายในเวลาไม่กี่นาที แล้วอย่าลืมทำเป็นประจำอย่างสม่ำเสมอด้วยนะคะ

 

 

 

เว็บตรงฝากถอนไม่มีขั้นต่ํา

Categories
health

กู้ผิวหมองคล้ำดูโทรมได้ด้วย เครื่องดื่ม C-vitt

     ถ้าพูดถึงเคล็ดลับหรือตัวช่วยดี ๆ ในเรื่องของการกู้ผิวหมองคล้ำหรือปัญหาหน้าโทรม ให้กลับมาสุขภาพดีได้ ขอบอกเลยค่ะว่าต้องมีเจ้าตัวนี้อยู่ด้วยแน่นอนเลย นั่นก็คือเจ้าตัว เครื่องดื่ม C-vitt เนื่องจากว่ามีหลายคนออกมาพูดกันเยอะมากว่าเครื่องดื่ม C-vitt ดื่มแล้วจะทำให้ผิวขาวกระจ่างใสและช่วยไม่ให้หน้าโทรมได้ ในฐานะที่เราเนี่ย เป็นคนชอบกินเครื่องดื่มประเภทที่มีวิตามินซีอยู่แล้วค่อนข้างเยอะ ก็เลยอยากทดลองกินดู สรุปว่า มันช่วยได้จริงนะจ้ะแม่ วันนี้เราเลยเอาข้อมูลเกี่ยวกับส่วนผสมและวิธีการกินมาฝาก

ส่วนประกอบสำคัญของ เครื่องดื่ม C-vitt มีอะไรบ้าง ช่วยอะไรบ้าง 

     ขอออกตัวก่อนเลยว่าเมื่อก่อน เราดื่มเครื่องดื่ม C-vitt แค่เฉพาะตอนที่เรารู้สึกว่า ร่างกายอ่อนล้ามาก หรือง่วงนอนมากก็จะดื่มเข้าไปเลย เพราะเวลาที่ดื่มเนี่ย มันทำให้เรารู้สึกถึงความ สดชื่นกระปรี้กระเปร่า ขึ้นมาทันทีที่ได้ดื่ม ด้วยความหวานอมเปรี้ยวที่มีส่วนผสมมาจากผลไม้ของเขาด้วย เลยทำให้เราประทับใจในข้อนี้มากเป็นพิเศษ

     แต่พอวันหนึ่ง ก็เริ่มมีผู้คนออกมาบอกว่า การดื่ม เครื่องดื่ม C-vitt มันไม่ได้ช่วยเราแค่ในเรื่อง ความสดชื่นแต่มันเป็นเครื่องดื่มที่จะทำให้เรามี สุขภาพดี มากขึ้นด้วย เพราะเจ้าตัวนี้มีปริมาณวิตามินซีต่อขวด เท่ากับ 120 มล. หรือง่าย ๆ เลยก็คือ มีปริมาณวิตามินซีเทียบเท่ากับเลมอน 6 ผลนั่นเอง เหมาะมากสำหรับใครที่ไม่ชอบทานผลไม้เพราะสารสกัดของนางเนี่ยเข้มข้นมากจริง ๆ และอีกหนึ่งอย่างที่เป็นข้อดีคือ ช่วยเรื่องความขาวกระจ่างใสอีกด้วยนะคะ เพราะวิตามินซีเป็นสารแอนตี้ออกซิแดนท์ มีคุณสมบัติช่วยให้ผิวพรรณของคุณเนี่ยกระจ่างใส แถมยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการดูดซึมคอลลาเจน หรือสารแอนตี้ออกซิแดนท์อื่น ๆ เช่น กลูต้าไธโอน ที่มีส่วนช่วยเรื่องการบำรุงผิวพรรณด้วย

ผิวสุขภาพดีจากภายในสู่ภายนอก 

     แต่ถึงหลายคนจะบอกว่ามันดีขึ้นยังไงก็ตาม เราขอบอกก่อนเลยว่า ผลลัพธ์จะขึ้นอยู่กับพื้นฐานสีผิวของแต่ละบุคคลนะคะสาว ๆ อย่าคาดหวังจนเกินไปว่า จะขาวขึ้นหลายเฉดผิวทันทีเลย ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว แต่มันจะเป็นอีกตัวช่วยหนึ่งที่จะทำให้ผิวของคุณดูไม่โทรม ให้คุณได้เผย ผิวใสออร่าจากภายใน สู่ภายนอกแน่นอน ผู้หญิงเราไม่ต้องขาว แต่แค่ใสขึ้น ดูสุขภาพดีขึ้นก็เพียงพอแล้วจริง ๆ สวยในแบบที่คุณเป็น และขอย้ำอีกทีนะคะเผื่อหลายคนที่ไม่ชอบทานผลไม้จริง ๆ จะบอกว่า เครื่องดื่ม C-vitt เนี่ย เขามีหลายสูตร ลองเลือกสูตรที่ชอบดูได้ แต่รับรองว่าทุกตัว กินง่ายรสชาติดี ไม่ต้องห่วงเลย ไปลองดื่มกันดูนะคะ แนะนำว่าดื่มตอนท้องว่าง ซักวันละขวดก็เพียงพอแล้ว และควรหมั่นทานเป็นประจำอย่างสม่ำเสมอนะคะ

 

 

 

ฝากไม่มีขั้นต่ํา

Categories
health

บอกต่อ ผ้าอนามัย ที่ใช้ดี กระชับ ซึมซับได้ดีตลอดทั้งวัน 

บอกต่อ ผ้าอนามัย ที่ใช้ดี กระชับ ซึมซับได้ดีตลอดทั้งวัน 

เกิดเป็นผู้หญิงใช่ว่าจะสบายไปหมดจริงไหมคะ ใน 1 เดือนเนี่ย ผู้หญิงทุกคนต้องเผชิญปัญหารอบเดือนมามากกันทั้งนั้น แถมแต่ละเดือนมาไม่เคยเหมือนกันเลยซักนิด.. บางทีมาน้อยมาทีมามากเลือกใส่ไม่ถูกจริง ๆ เลย แถมนอกจากนี้ยังมีปัญหาต่าง ๆ มากวนใจอีกด้วย วันนี้เราจึงรวบรวมเอา ผ้าอนามัย ที่คัดมาแล้วว่าดีจริงและมีข้อดีที่แตกต่างกันออกไป เพื่อที่จะได้ตอบโจทย์ปัญหาของสาว ๆ ได้ครบถ้วน

ผ้าอนามัย เหมือนกันแล้วแตกต่างกันยังไง 

คงจะมีสาว ๆ ไม่น้อยที่เลือกซื้อผ้าอนามัยแบบเดิมเป็นประจำใช่ไหมล่ะคะ เพราะการใช้แบบเดิมอย่างสม่ำเสมออาจจะช่วยให้ ปัญหาการแพ้หรือการระคายเคือง ลดลงได้ดีกว่าการทดลองใช้แบบใหม่ไปเรื่อย ๆ แต่ก็ยังมีสาว ๆ อีกไม่น้อยที่กำลังมึนงงว่า ก็เพราะอนามัยมันเยอะขนาดนี้จะไปลองหมดได้ยังไง จะไปรู้ได้ยังไงว่าตัวไหนดีที่สุด ตอบโจทย์ได้มากที่สุดกันล่ะ ..ก็เลยตัดสินใจเปลี่ยนซะทุกเดือนไปเลย ซึ่งนั่นเองก็จะนำพาปัญหามาให้สาว ๆ ก็ว่าได้ เพราะถ้าไปเจอตัวที่แพ้ระคายเคืองเข้าต้องแย่แน่ 

วันนี้เรานำ ผ้าอนามัย หลากหลายแบบมารีวิวให้สาว ๆ ได้รู้จักกันค่ะ เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องค่อนข้างละเอียดอ่อนและแต่ละคนมีปัญหาหรือมี ความชอบส่วนตัว ไม่เหมือนกัน เพราะฉะนั้นเราจะแนะนำแบบเป็นกลางเพื่อเอาไว้ประกอบการตัดสินใจเวลาที่สาว ๆ ไปเลือกซื้อเองนะคะ

    1. Sofy Cooling Fresh Natural สำหรับใครที่มีปัญหากลิ่นอับชื้นหรือวันนั้นของเดือนมามากเกินกว่าปกติกลัวว่าจะมีกลิ่นไม่พึงประสงค์ออกมา เราขอแนะนำเป็นตัวนี้ค่ะ Sofy Cooling Fresh Natural เพราะมีส่วนผสมของสารสกัดจากแตงกวาด้วย และตัวนี้ยังเป็นสูตรเย็น ในวันที่อากาศร้อนจัดและอาจจะทำให้เกิดอาการคันหรือระเคืองได้ ตัวนี้จึงเป็นตัวช่วยที่ดีมากและเหมาะกับอาการบ้านเรามากจริง ๆ โดยอแผ่นอนามัยมีความบางเฉียบให้ความรู้สึกกระชับ เย็นสบาย หมดห่วงไปได้เลยค่ะ
    1. Sofy แบบถนอมผิว Sofy สูตรนี้เป็นผ้าอนามัยที่ช่วยในเรื่องของการถนอมผิว ลดการระคายเคือง แม้ผิวบอบบางแพ้ง่ายก็สามารถใช้ตัวนี้ได้โดยไม่ต้องกังวลเลยว่าจะเกิดผืน มีคุณสมบัติพิเศษในการช่วยสลายลิ่มเลือด ทำให้ไม่เหนอะหนะ และยังเป็นสูตรที่ได้รับสิทธิบัตรจากประเทศญี่ปุ่นอีกด้วย ไม่ต้องห่วงเรื่องการซึมเปื้อนแม้จะเป็นสูตรบอบบางถนอมผิว แต่เรื่องการป้องกันก็ดีมากไม่แพ้กันเลย 
    1. Eris Fairy Wings (เอลิส) ลาย Rilakkuma ตัวนี้เป็นตัวที่เราขอนำเสนอเลย เป็นตัวลูกรักมากจริง ๆ เจ้าตัวนี้เป็นผ้าอนามัยที่แก้ปัญหาสำคัญอีกอย่างได้ดีมากนั่นก็คือ ปัญหาผ้าอนามัยม้วนหรือบิดรูป เนื่องจากเวลาเราใช้ชีวิตประจำวันปกติ ร่างกายของเราค่อนข้างที่จะไม่หยุดอยู่นิ่งเลย ทำให้ปัญหาผ้าอนามัยเคลื่อนหรือว่าไม่เกาะแน่นกับกางเกงชั้นในมีค่อนข้างบ่อยมาก แต่จะหมดห่วงเลยค่ะเพราะเจ้าตัวนี้เกาะแน่นติดทนและซึมซับได้ดีมากจริง ๆ ถึงจะมีข้อเสียตรงที่ค่อนข้างหนา แต่เวลาใส่จะรู้สึกแห้งสบายเหมือนไม่ได้ใส่เลยทีเดียว

    ปัญหาที่แตกต่างกันออกไปของผู้หญิงเรา 

    อย่างที่บอกไปตอนต้นนะคะ ผิวแต่ละคนไม่เหมือนกัน เราทำได้เพียงนำ ผ้าอนามัย ที่มีจุดเด่นและข้อดีในการแก้ปัญหาที่แตกต่างกันมาบอกเล่าให้สาว ๆ ฟัง เพื่อ ประกอบการตัดสินใจในการซื้อ แต่ถ้าหากซื้อใช้ตามแล้วเกิดอาการแพ้ขึ้นมาจริง ๆ นั่นอาจจะเป็นเพราะพื้นผิวของคุณสาว ๆ ค่อนข้างบอบบางมาก ๆ เพราะฉะนั้นแนะนำให้ปรึกษาแพทย์และศึกษาข้อมูลดี ๆ ก่อนซื้ออีกทีนะคะ 

     

     

     

    เว็บพนันฝากถอนไม่มีขั้นต่ํา

Categories
health lucky item

ลิปมัน บำรุงริมฝีปาก ที่ใช้ดีจริงจนต้องบอกต่อ

       ช่วงที่ต้องอยู่บ้านนาน ๆ แบบนี้ เชื่อว่าสาว ๆ ส่วนใหญ่มักจะเปิดแอร์แถบจะตลอดเวลา ทั้งตอนกลางวันและกลางคืน แถมพอไม่ได้ออกไปไหนก็อาจจะไม่ค่อยดูแลตัวเองเลย จนหลัง ๆ มานี้หลายคนคงมีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องริมฝีปากแห้ง แตก จนเลือดไหลกันเยอะมาก เพราะอาจจะเกิดจากการอยู่ในห้องแอร์เป็นเวลานานและไม่ได้บำรุงจริงจังเหมือนตอนที่ได้ออกไปข้างนอก ก่อนแต่งหน้า ก่อนนอน ก็อาจจะแค่อาบน้ำแล้วเสร็จเลยไม่ได้มีการบำรุงใดใด ซึ่งมันผิดนะคะสาว ๆ ถึงไม่ได้ออกไปไหนแต่คุณยังต้องดูแลตัวเองอยู่สม่ำเสมอนะคะ ครีมบำรุงหรือ ลิปมัน ก็ยังคงเป็นสิ่งที่คุณควรบำรุงอยู่ตลอดเวลา

ลิปมัน ตัวดังในเซเว่นที่สาว ๆ หลายคนไว้วางใจ

       เมื่อพูดถึงลิปมันเนี่ย แน่นอนว่าเป็นสิ่งที่สาว ๆ เองก็ขาดไม่ได้เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นคนที่จะต้องการความบำรุงขั้นสุดเพราะเจอกับปัญหาปากลอก ปากแตกจนเลือดออก หรือบางคนที่ต้องการเพิ่มความอมชมพูให้ริมฝีปากก็ตาม วันนี้เราเลยจะมาแนะนำลิปมันที่คิดว่าดีที่สุดและยัง หาซื้อง่าย ในช่วงนี้ นั่นก็คือลิปมันที่มีขายที่ 7-11 นั่นเอง ตัวแรกที่เราจะมาแนะนำก็คือ

KA Lip Care มาในราคา 39 บาท ตัวนี้เนี่ยเรียกว่าวัยรุ่นส่วนใหญ่ต้องเคยใช้อย่างแน่นอน เพราะนอกจากความหอมกลิ่นสตอเบอร์รี่ที่ละมุนมากแล้ว ยังมีราคาถูกมากและถือว่าเป็นอีกหนึ่งตัวที่ดีมากเลยที่เดียว ถ้าพูดถึงเรื่องความชุ่มชื่นเนี่ยเขาสามารถอยู่ได้ประมาน 2-3 ชั่วโมงเลยนะคะ และเห็นแท่งเล็กแบบนี้แต่ก็ใช้ได้นานมาก ๆ เลย 

ตัวถัดมาเป็นของ VASELINE ลิปมันเปลี่ยนสี Lip Therapy Rosy Lips อย่างที่รู้กันว่า VASELINE เนี่ย เขาขึ้นชื่อเรื่องความชุ่มชื่นและการบำรุงอยู่แล้ว ตัวนี้เป็นกลิ่นกุหลาบ และมีความหอมที่พอดี และในส่วนการใช้งานที่อาจจะทำให้ดูสกปรกเลอะง่ายไปหน่อย แต่รับรองว่าก็ยังเป็นอีกตัวที่เราอยากให้คุณได้ลองเพราะมันดีจริง ๆ 

ตัวที่สาม ลิปมัน เปลี่ยนสี MENTHOLATUM Lip Ice Magic Color Strawberry มาในราคา 99 บาท ตัวนี้ จะไม่พูดถึงก็คงไม่ได้เพราะเป็นตัวที่มีมานานแล้ว คุณสมบัติที่โดดเด่นของเจ้าตัวนี้ที่เขาเคลมไว้ก็คือ ป้องกันแสงแดดและมอบความชุ่มชื่นให้คุณถึง 10 ชั่วโมงเลยทีเดียว สำหรับเราเองแนะนำอย่างมากค่ะ ด้วยราคาที่ถูกและกลิ่นที่ค่อนข้างหอม ทำให้เราหลงรักตัวนี้มาก และยิ่งนางมีสารกันแดดอีกด้วยเนี่ย เป็นสิ่งที่เริ่ดมากนะคะ 

ใช้ดีจนหลายคนซื้อซ้ำจริงไหม

       ขอบอกเลยนะคะว่า ลิปมัน ที่เรานำมาบอกต่อวันนี้ เราได้ผ่านการใช้จริงมาทุกตัว พอใช้แล้วรู้สึกว่าเออมันเริ่ดนะ ปากฉันมัน นุ่มและอมชมพู ขึ้นจริง ๆ แถมซื้อครั้งเดียวก็ใช้ได้นานมากจริง ๆ เหมาะสมตามราคามาก ใช้ได้แบบคุ้มค่าจริง ๆ และในช่วงนี้ก็เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ถึงแม้บ้านเราจะเป็นเมืองร้อน มีอาการที่ค่อนข้างร้อนมากกว่าอาการหนาวเย็นก็ตามแต่เราเองก็อย่าลืมดูแลริมฝีปากให้นุ่มและอมชมพู น่าสัมผัส ตลอดเวลานะจ้ะสาว ๆ 

 

 

 

สล็อตฝากถอนไม่มีขั้นต่ํา

 

Categories
health

ดูแลเล็บอย่างไรให้สวยและแข็งแรง ไม่เปราะ หรือหักง่าย

นอกจากสาว ๆ จะใส่ใจในเรื่องของการดูแลผิวหน้า และผิวกายกันแล้วนั้น รู้หรือไม่ว่า การดูแลเล็บมือของเราก็สำคัญ เพราะหลายคนนิยมที่จะทาเล็บ เพนท์เล็บ เป็นประจำ แต่หากไม่ทำการดูแลเล็บให้ดี ก็อาจทำให้เล็บเปราะ หรือหักง่าย เพราะฉะนั้น หากอยากมีเล็บที่สวย แข็งแรง และดูสุขภาพดีแล้วนั้น มารู้ถึงวิธีดูแลเล็บของเรากันดีกว่า

วิธีดูแลเล็บ ให้สวย และแข็งแรง

  1. ทำความสะอาดอยู่เสมอ

หมั่นทำความสะอาดตัดเล็บ ตัดหนังเล็บเป็นประจำ เพื่อป้องกันไม่ให้เล็บสกปรก ควรตัดเล็บให้สั้นพอดี ไม่ชิดติดหนังเกินไป และพยายามอย่าเอาอุปกรณ์ทำเล็บไปแงะ แคะ ที่บริเวณซอกเล็บ เพราะอาจทำให้เล็บเกิดการอักเสบได้ง่าย แค่เล็มบริเวณหนังรอบ ๆ เล็บก็เพียงพอ และเพื่อถนอมเล็บควรแช่มือและเท้าลงในน้ำอุ่นก่อนตัดเล็บเสมอ เพราะจะช่วยให้ตัดได้ง่ายขึ้น และลดการฉีกขาดของเล็บอีกด้วย

  1. แช่มือในน้ำมะนาว

การดูแลเล็บง่าย ๆ ที่ทำได้เองที่บ้าน โดยไม่จำเป็นต้องเข้าสปาเล็บ คือนำน้ำอุ่น 1 แก้ว ผสมน้ำมะนาว 1 ซีก แล้วใช้นิ้วมือจุ่มลงไปแช่ประมาณ 5 นาที จากนั้นนำซีกมะนาวที่เหลือมาขัดถูวน ๆ เบา ๆ ที่บริเวณเล็บ เพื่อขจัดคราบเล็บที่เหลือง และยังทำให้เล็บแข็งแรงขึ้นด้วย

  1. บำรุงเล็บและมือ ด้วยครีมทามือ

ใช้ครีมทามือที่เป็นสูตรถนอมเล็บทาบำรุงมือและเล็บเป็นประจำ หรือใช้วาสลีนทาที่บริเวณเล็บอย่างเดียว จะช่วยให้เล็บแข็งแรง และหนังบริเวณรอบ ๆ เล็บที่แข็งมีการอ่อนนุ่มขึ้น ก็จะทำให้ดูแลเล็บได้ง่ายขึ้น ทั้งยังช่วยป้องกันเล็บแห้งเปราะด้วยเช่นกัน

  1. พักการทาเล็บ เพนท์เล็บ

สาว ๆ หลายคนชื่นชอบในการทาเล็บมาก ๆ แต่ทุกครั้งที่เราล้างสีเล็บออก เล็บของเราต้องสัมผัสกับสารเคมีในน้ำยาล้าง หากต้องล้างบ่อย ๆ คงไม่ดีแน่ ช่วงไหนที่รู้สึกว่าเล็บหัก ฉีกง่าย ให้เว้นหรือพักการทาเล็บไปก่อน หรือทางที่ดี ควรทาเล็บแค่สัปดาห์ละ 1 ครั้งก็พอ จะได้ช่วยถนอมเล็บมือของเรายิ่งขึ้น

  1. กินอาหารที่มีประโยชน์

นอกไปจากการดูแลภายนอกดังที่กล่าวไปแล้วนั้น เราสามารถดูแลสุขภาพเล็บของเราจากภายในได้ ด้วยการเลือกกินอาหารที่บำรุงเล็บเป็นประจำ โดยเฉพาะคนที่เล็บฉีกง่ายยิ่งควรกิน ได้แก่ อาหารที่มีวิตามินบีสูง เช่น ข้าวกล้อง, ข้าวซ้อมมือ, ผักใบเขียว รวมถึงเสริมด้วยอาหารที่มากไปด้วยคอลลาเจน เช่น ปลาทะเลน้ำลึกอย่างปลาแซลมอน และอาหารที่มีวิตามินซีสูง เพื่อช่วยดูดซึมอาหารเข้าไปบำรุงเล็บได้ดีขึ้น เช่น มะเขือเทศ ฝรั่ง และผลไม้ตระกูลส้ม เพียงกินเป็นประจำ ก็จะทำให้เล็บมีสุขภาพดีจากภายใน

สาว ๆ ที่รักเล็บ และชื่นชอบในการทาเล็บ ต้องอย่าลืมที่จะดูแลและบำรุงเล็บตามวิธีที่แนะนำกัน เพื่อที่เราจะได้มีเล็บที่สวยงาม แข็งแรง และเรียกความมั่นใจกลับคืนมาได้อีกครั้ง

 

Categories
health

3 วิตามิน ช่วยดูแลสุขภาพ ที่ร่างกายอย่าได้ขาด

อาหารที่เรากินเข้าไปทุกวันนั้น ล้วนแต่อุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุต่าง ๆ ที่จำเป็นต่อร่างกาย ซึ่งมีอยู่ในอาหารหลัก 5 หมู่ แต่ก็มีหลายคนที่ด้วยชีวิตเร่งรีบ และการทำงานหรือการเรียนที่เคร่งเครียด ทำให้ไม่มีเวลาที่จะกินอาหารได้ครบทุกหมู่ได้ หรืออาจจะกินแต่ปริมาณไม่เพียงพอเท่าที่ร่างกายต้องการ หรือควรจะได้รับ ทำให้หลายคนหันมาสนใจที่จะกินวิตามิน หรืออาหารเสริมต่าง ๆ เพื่อช่วยให้ร่างกายได้รับสารอาหารเต็มที่ วิตามินที่ดีต่อสุขภาพนั้นมีอะไรบ้าง ?

3 วิตามินที่ดีต่อสุขภาพ ที่ร่างกายต้องการ

  1. วิตามินซี

วิตามินซี ที่หากกินเป็นประจำ จะช่วยเพิ่มภูมิต้านทานและป้องกันโรคหวัดให้เราได้ ทั้งยังมีส่วนช่วยในเรื่องของผิวพรรณอีกด้วย เพราะวิตามินซีมีสารต้านอนุมูลอิสระ ที่จะทำให้ผิวขาว ใส และยังช่วยปกป้องผิวจากแสงแดดได้ มีส่วนช่วยในการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิว ช่วยลดริ้วรอยบนใบหน้า ซึ่งวิตามินซีมีมากในผักและผลไม้ หากกินปริมาณหนึ่งวันไม่เพียงพอ สามารถเลือกกินวิตามินซีในรูปแบบเม็ดร่วมด้วยได้ เพราะวิตามินซี เป็นวิตามินที่ละลายได้ในน้ำ จึงไม่สะสมอยู่ในร่างกายได้นาน และสามารถกำจัดออกทางปัสสาวะและเหงื่อ เป็นวิตามินในกลุ่มที่เราควรกินทุกวันอย่างเพียงพอ

  1. วิตามินบีรวม

วิตามินบี โดยเฉพาะบีรวม เป็นวิตามินที่รวมวิตามินบีหลายชนิด ทั้ง B1, B2, B6 และ B12 ที่ล้วนแล้วจำเป็นต่อร่างกาย เพราะช่วยบำรุงร่างกายและระบบประสาท ให้สมองปลอดโปร่ง และปลายประสาททำงานได้ดี ลดอาการเหน็บชา อีกทั้งยังเป็นวิตามินที่ละลายในน้ำได้ดี จึงไม่สะสมภายในร่างกาย สามารถกินวิตามินบีเพื่อบำรุงสุขภาพและฟื้นฟูร่างกายได้ทุกวัน วิตามินบี มีมากในข้าวกล้อง, ข้าวซ้อมมือ, จมูกข้าวสาลี, เนื้อสัตว์, ปลาทะเล, ผักใบเขียว เป็นต้น หากกินอาหารเหล่านี้ไม่เพียงพอ ก็สามารถกินวิตามินบีในรูปแบบเม็ดเสริมได้

  1. วิตามินอี

วิตามินอี เป็นหนึ่งในวิตามินที่สำคัญต่อร่างกาย เพราะช่วยในการทำงานของระบบภายใน ป้องกันการแตกของเม็ดเลือดแดง และการอุดตันของเส้นเลือด ทั้งยังมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยลดการเกิดการอักเสบในร่างกาย และช่วยในเรื่องของผิวพรรณ ให้ดูนุ่ม ชุ่มชื้น และเต่งตึงยิ่งขึ้น เป็นวิตามินที่ละลายได้ดีในไขมัน แม้ว่าร่างกายจะต้องการ แต่ก็ไม่ควรกินในปริมาณที่มากเกินไป เพราะไม่สามารถขับออกทางปัสสาวะได้เหมือนวิตามินซีและบีรวม วิตามินอีพบได้ในน้ำมันจากพืชต่าง ๆ เช่น น้ำมันมะกอก, น้ำมันคาโนลา, น้ำมันรำข้าว และยังมีมากในอาหารเช่น เนย ไข่ อัลมอนด์ บร็อกโคลี และมะเขือเทศ เป็นต้น หากในแต่ละวันได้รับสารอาหารจากวิตามินอีอย่างเพียงพอแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องกินวิตามินเสริมในรูปแบบเม็ด เพื่อป้องกันไม่ให้ตกค้างหรือสะสมในร่างกายจนเกินไป

ทั้งนี้ สุขภาพ และความงาม มักจะเป็นของคู่กัน เพราะเมื่อสุขภาพร่างกายดี ก็จะสวยจากภายในสู่ภายนอก ส่งผลให้ผิวพรรณดูสดใส เปล่งปลั่ง ไม่โทรม แถมยังมีสุขภาพที่ดีและแข็งแรงอีกด้วย ที่สำคัญอย่าลืมกินอาหารให้ครบทั้ง 5 หมู่ทุกวัน เพื่อให้ร่างกายได้รับวิตามินทุกตัวอย่างครบถ้วน 

 

Categories
health

แนะนำ 10 อายครีม แก้ไขปัญหารอยคล้ำใต้ตาที่เห็นผลเร็วที่สุด

แนะนำ 10 อายครีม แก้ไขปัญหารอยคล้ำใต้ตาที่เห็นผลเร็วที่สุด

ดวงตาเปรียบเสมือนหน้าต่างของหัวใจ เพราะดวงตาสามารถสื่อสารได้หลากหลายอารมณ์ เช่นเดียวกับผิวใต้ดวงตาของคุณที่สามารถบ่งบอกอะไรได้มากมายเกี่ยวกับความรู้สึกของคุณเช่นกัน หากเวลากลางคืนคุณต้องทำงานหนักหรือพักผ่อนน้อยจะทำให้เกิดผลเสียตามมา นั่นคือ รอยวงกลมใต้ตาที่ดำคล้ำในเช้าวันรุ่งขึ้น ยิ่งตอนนี้เกิดการระบาดของไวรัส COVID-19 ที่อาจทำให้หลายๆคนเกิดความเครียดและส่งผลให้คุณนอนไม่หลับ นี่ก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ดวงตาของคุณดูเหนื่อยล้าและเกิดรอยคล้ำใต้ตา

การจัดการกับปัญหารอยคล้ำใต้ตาไม่ใช่เรื่องสนุกสำหรับทุกคน และการใช้คอนซีลเลอร์สามารถช่วยปกปิดรอยคล้ำได้ ในระยะเวลาสั้น ๆ แต่หากคุณต้องการแก้ไขปัญหานี้ในระยะยาวอายครีมช่วยคุณได้ เพราะมันมีประสิทธิภาพบำรุงผิวใต้ดวงตาสูงที่สุด และส่วนใหญ่ถูกออกแบบมาเพื่อลดริ้วรอยและแก้ไขปัญหารอยคล้ำใต้ตาอีกด้วย ดังนั้นเพื่อช่วยให้คุณตัดสินใจเลือกซื้อผลิตภัณฑ์อายครีมได้อย่างมีประสิทธิภาพ วันนี้ผู้เขียนจึงมีข้อมูลที่ควรรู้เกี่ยวกับการเลือกใช้อายครีมมาฝากทุกคน อีกทั้งผู้เขียนยังได้รวบรวม 10 ผลิตภัณฑ์อายครีมที่ได้รับความนิยมในเรื่องการแก้ไขปัญหารอยคล้ำใต้ตาที่เห็นผลได้เร็วที่สุดมาแนะนำทุกคน จะเป็นอย่างไรกันบ้างตามมาดูกันเลยค่ะ

อายครีมคืออะไร?

อายครีม คือ ครีมบำรุงรอบดวงตาที่เป็นมอยส์เจอร์ไรเซอร์ชนิดหนึ่งที่ถูกคิดค้นขึ้นมาเพื่อบำรุงผิวบริเวณรอบดวงตาโดยเฉพาะ ครีมบำรุงรอบดวงตาแตกต่างจากครีมทาหน้าเนื่องจากผิวบริเวณรอบดวงตามีความบอบบางเป็นพิเศษ หากใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารสกัดที่เข้มข้นเกินไป อาจทำให้ระคายเคืองตาได้ อีกทั้งสัญญาณแห่งวัยมักปรากฏชัดในเนื้อเยื่อที่บอบบางนี้เป็นอันดับแรกค่ะ หากคุณกำลังมองหาผลิตภัณฑ์อายครีมที่มีประสิทธิภาพดีๆสักตัว แนะนำให้เลือกอายครีมที่ให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว ซึ่งเป็นคุณสมบัติหลักที่จำเป็นต่อผิวรอบดวงตา อย่างไรก็ตามผลิตภัณฑ์อายครีมสามารถช่วยได้มากกว่าการให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว นั่นคือผลิตภัณฑ์อายครีมยังสามารถลดเลือนริ้วรอยและลดรอยคล้ำใต้ตาได้ดีเช่นกันค่ะ

การเลือกอายครีมจากส่วนผสมให้เหมาะกับสภาพผิว

คุณสามารถใช้ผลิตภัณฑ์อายครีมได้แม้ว่าคุณจะยังมีอายุน้อย แต่สิ่งสำคัญสำหรับการใช้อายครีมที่ทุกคนต้องรู้ นั่นก็คือการเลือกใช้อายครีมให้เหมาะกับสภาพผิวของคุณ ด้วยความที่ผลิตภัณฑ์อายครีมมีจำนวนมากในท้องตลาดการเลือกผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุดจึงเป็นเรื่องที่ต้องพิจารณาเป็นพิเศษ อันดับแรกเริ่มต้นด้วยการมองหาส่วนผสมที่มีประโยชน์ต่อผิว อย่างเช่น

  • Coenzyme Q10 (CoQ10): ช่วยปกป้องผิวจากการถูกทำลายจากแสงแดดและลดความเสี่ยงของการเกิดริ้วรอย
  • Peptide: ช่วยสร้างคอลลาเจน ดังนั้นจึงเหมาะสำหรับผิวบอบบางและริ้วรอย
  • Ceramide: ช่วยเพิ่มความแข็งแรงและความชุ่มชื้นให้แก่ผิว
  • Niacinamide: เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ทำให้ผิวกระจ่างใสและชุ่มชื้น นอกจากนี้ยังสามารถลดความมันส่วนเกินบนใบหน้าได้
  • Hyaluronic acid: ช่วยดึงดูดน้ำทำให้ผิวชุ่มชื้น นอกจากนี้ยังช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นของผิว
  • Alpha hydroxy acids (AHAs): สามารถรักษาผิวที่มีสีดำคล้ำได้ดี
  • วิตามินซี: เป็นสารต้านอนุมูลอิสระมีคุณสมบัติในการป้องกันแสงแดดและทำให้ผิวกระจ่างใส
  • วิตามินอี: ช่วยให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวและทำให้ผิวผ่อนคลาย
  • วิตามินเค: ช่วยลดความหมองคล้ำ
  • คาเฟอีน: ช่วยลดอาการบวมและรอยคล้ำใต้ตา
  • เรตินอยด์: สามารถลดเลือนริ้วรอยได้ แต่ควรใช้ในตอนเย็นเท่านั้น นอกจากนี้ยังสามารถทำให้ผิวระคายเคืองได้ ดังนั้นควรใช้ผลิตภัณฑ์เรตินอยด์ที่ออกแบบมาสำหรับใต้ตาเท่านั้น
  • Ferulic Acid: ช่วยปกป้องผิวจากการถูกทำลายจากสิ่งแวดล้อม
  • ดอกคาโมไมล์: มีฤทธิ์ช่วยต้านการอักเสบได้ดี
  • SPF: ป้องกันความเสียหายจากแสงแดดและริ้วรอยรอบดวงตาของคุณ

สำหรับส่วนผสมบางอย่างทำงานได้ดีที่สุดตามสภาพผิวของแต่ละคน ดังนั้นเพื่อจำกัดตัวเลือกผลิตภัณฑ์อายครีมให้แคบลง ผู้เขียนจึงได้รวบรวมส่วนผสมที่เหมาะกับแต่ละสภาพผิว ดังนี้

  1. คนที่มีสภาพผิวบอบบาง แพ้ง่าย: แนะนำให้ใช้ผลิตภัณฑ์อายครีมที่ปราศจากน้ำหอม น้ำมัน และมองหาส่วนผสมอย่างเช่น ดอกคาโมไมล์, สารสกัดจากชาเขียว, ดอกแม่มดเฮเซล, AHA, เรตินอยด์
  2. คนที่มีสภาพผิวมัน: แนะนำให้ใช้ผลิตภัณฑ์อายครีมที่มีส่วนผสมเดียวกันกับผิวที่มีสภาพบอบบาง แพ้ง่าย เป็นสิว และให้มองหาผลิตภัณฑ์อายครีมที่ปราศจากน้ำมันหรือสารที่ไม่ก่อให้เกิดมะเร็ง
  3. คนที่มีสภาพผิวแห้ง: แนะนำผลิตภัณฑ์อายครีมที่หนาและให้ความชุ่มชื้น มองหาส่วนผสมอย่างเช่น Ceramide, Niacinamide, Hyaluronic acid, Glycerin, วิตามินอี

วิธีเลือกซื้ออายครีมสำหรับลดรอยคล้ำใต้ตา

สำหรับใครที่กำลังประสบปัญหารอยคล้ำใต้ตา แล้วกำลังมองหาผลิตภัณฑ์อายครีมสำหรับลดรอยคล้ำใต้ตา แต่ยังไม่ทราบว่าควรพิจารณาเลือกซื้อจากส่วนผสมอะไรบ้าง ดังนั้นผู้เขียนจึงได้รวบรวมส่วนผสมของอายครีมที่ช่วยรักษารอยคล้ำใต้ตาได้ดีที่สุดมาฝาก ดังนี้

  • Hyaluronic acid: ช่วยดึงความชื้นเข้าสู่ผิวหนังชั้นนอกจากสิ่งแวดล้อมทำให้ผิวชุ่มชื่นและเปล่งปลั่งอ่อนเยาว์ เพราะการทำให้ผิวกระจ่างใสขึ้นจะช่วยปกปิดรอยคล้ำใต้ตาได้
  • คาเฟอีน: ช่วยลดรอยแดงใต้ตา
  • Dimethicone และ cyclomethicone: เป็นสารที่ทำให้ผิวนวลพร้อมทั้งกักเก็บความชุ่มชื้นไว้ อีกทั้งยังช่วยทำให้ผิวดูเรียบเนียนขึ้นอีกด้วย
  • เรตินอล: ช่วยป้องกันไม่ให้เกิดริ้วรอยและส่งเสริมการหมุนเวียนของเซลล์ในผิวหนัง ผลิตภัณฑ์อายครีมที่มีเรตินอลส่วนใหญ่ถูกออกแบบมาเป็นพิเศษสำหรับผิวเปลือกตาที่บอบบางและช่วยปรับปรุงพื้นผิวและสีของผิวหนังได้ แต่ต้องใช้ด้วยความระมัดระวังเพราะอาจทำให้เกิดการระคายเคืองได้
  • วิตามินซี และ Polyphenol: ช่วยลดความเครียดจากมลภาวะของสิ่งแวดล้อม และผลิตภัณฑ์สำหรับดวงตาที่มีวิตามินซีเข้มข้นจะเป็นสารออกฤทธิ์ต่ำกว่าผลิตภัณฑ์สำหรับส่วนอื่น ๆ บนใบหน้า
  • Peptide: เป็นส่วนประกอบสำคัญของคอลลาเจน ซึ่งช่วยทำให้ผิวของคุณเต่งตึงและเรียบเนียน เมื่อคุณอายุมากขึ้นอัตราการสร้างคอลลาเจนของผิวหนังจะช้าลง ดังนั้นการใช้ครีมบำรุงรอบดวงตาที่มี Peptide จะช่วยกระตุ้นการเจริญเติบโตของคอลลาเจนในชั้นผิวหนัง

สุดยอด 10 อายครีม ตัวช่วยลดรอยคล้ำใต้ตาที่เห็นผลเร็วที่สุด

สำหรับใครที่กำลังมองหาผลิตภัณฑ์อายครีมที่ช่วยแก้ไขปัญหารอยคล้ำใต้ตาได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด วันนี้ผู้เขียนก็ได้รวบรวม 10 ผลิตภัณฑ์อายครีมที่ได้รับการรีวิวในอินเตอร์เน็ตว่ามีส่วนช่วยบำรุงรักษาผิวบริเวณรอบดวงตาให้กลับมาสดชื่นและกระจ่างใส ซึ่งผลิตภัณฑ์เหล่านี้ล้วนแล้วแต่มีส่วนผสมที่จำเป็นต่อผิวบริเวณรอบดวงตา อีกทั้งยังหาซื้อได้ง่ายตามร้านค้าทั่วไป หรือร้านค้าออนไลน์ ส่วนจะมียี่ห้อไหนกันบ้างตามมาดูเลยค่ะ

  1. Neutrogena Rapid Wrinkle Eye Cream
  2. La Mer The Eye Concentrate
  3. Origins GinZing Refreshing Eye Cream
  4. Charlotte Tilbury Magic Eye Rescue Cream
  5. Drunk Elephant C-Tango Multivitamin Eye Cream
  6. Shiseido White Lucent Anti-Dark Circles Eye Cream
  7. Cetaphil Hydrating Eye Gel Cream
  8. Peach & Lily Pure Peach Retinoic Eye Cream
  9. Estée Lauder Advanced Night Repair Eye Supercharged Complex
  10. Olay Regenerist Eye Lifting Serum

 

Neutrogena Rapid Wrinkle Eye Cream

รายละเอียดสินค้า

ชื่อยี่ห้อ

Neutrogena Rapid Wrinkle Eye Cream

ปริมาณ

14 ml

ราคาโดยประมาณ

1,690 บาท

ส่วนประกอบที่สำคัญ

Retinol Sa, Glucose Complex, Hyaluronic Acid, Glycerin & Retinol Cream

จุดเด่น

ช่วยลดเลือนริ้วรอยร่องลึก, ล็อกความชุ่มชื้นให้กับผิว, เร่งการผลัดเซลล์ผิวให้กระจ่างใสและดูอ่อนเยาว์

 

Neutrogena Rapid Wrinkle Eye Cream เป็นผลิตภัณฑ์อายครีมที่มีส่วนผสมที่เป็นเอกลักษณ์ Retinol Sa, Glucose Complex, Hyaluronic Acid, Glycerin & Retinol Cream อีกทั้งยังเป็นผลิตภัณฑ์อายครีมสูตรเรตินอลที่ได้รับการพิสูจน์ทางการแพทย์แล้วว่า ช่วยลดเลือนริ้วรอยและรอยคล้ำใต้ตา พร้อมทั้งช่วยให้ผิวบริเวณรอบดวงตาของคุณอวบอิ่มดูอ่อนเยาว์ ล็อคความชุ่มชื้นให้กับผิว และเร่งการผลัดเซลล์ผิวให้กระจ่างใสด้วยประสิทธิภาพการทำงานที่รวดเร็วเผยให้เห็นผลลัพธ์ที่มองเห็นได้ในเวลาเพียงหนึ่งสัปดาห์!

สามารถสั่งซื้อได้ที่>> Shopee

 

La Mer The Eye Concentrate

รายละเอียดสินค้า

ชื่อยี่ห้อ

La Mer The Eye Concentrate

ปริมาณ

15 ml

ราคาโดยประมาณ

9,300 บาท

ส่วนประกอบที่สำคัญ

Miracle broth, lifting ferment, Anti Oxidants

จุดเด่น

ช่วยให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว, ช่วยลดเลือนรอยคล้ำ, ลดความหมองคล้ำ

 

La Mer The Eye Concentrate เป็นผลิตภัณฑ์อายครีมจากแบรนด์ La Mer ที่ผลิตสินค้าเสริมความงามชั้นนำหลายอย่าง ซึ่งอายครีมจากแบรนด์นี้เป็นสูตรที่มีประสิทธิภาพสูงด้วยสารสกัดที่เข้มข้นจากพืชพรรณทางทะเลอย่าง Miracle broth ที่เป็นส่วนผสมของสาหร่ายซีเคลป์ที่ผ่านกระบวนการหมักทางชีวภาพ จนได้น้ำสกัดเข้มข้นอันทรงพลัง และ lifting ferment ที่ผ่านการหมักสูตรพิเศษอันเป็นเอกสิทธิ์เฉพาะของลาแมร์เท่านั้น ซึ่งส่วนผสมทั้ง 2 อย่างนี้ช่วยทำให้บริเวณรอบดวงตาจะกลับมานุ่มนวลและเรียบเนียน สีผิวแลดูสม่ำเสมอมากขึ้น พร้อมทั้งช่วยลดเลือนริ้วรอยรอบดวงตาด้วยคุณค่าของสาร Anti Oxidants อีกทั้งยังช่วยทำให้ผิวบริเวณรอบดวงตาแลดูเปล่งปลั่ง ช่วยป้องกันริ้วรอยรอบดวงตาที่อาจถูกทำลายจากสภาวะแวดล้อม เผยให้เห็นผลลัพธ์ที่มองเห็นได้ภายใน 3 สัปดาห์!

สามารถสั่งซื้อได้ที่>> Lamer, Shopee, Lazada

 

Origins GinZing Refreshing Eye Cream

รายละเอียดสินค้า

ชื่อยี่ห้อ

Origins GinZing Refreshing Eye Cream

ปริมาณ

15 ml

ราคาโดยประมาณ

870 บาท

ส่วนประกอบที่สำคัญ

สารสกัดเมล็ดกาแฟ, สารสกัดจากโสม, สารสกัดแมกโนเลียและออพติกส์จากธรรมชาติ

จุดเด่น

ฟื้นฟูผิวบริเวณรอบดวงตาและลดเลือนรอยคล้ำใต้ตา

 

Origins GinZing Refreshing Eye Cream เป็นผลิตภัณฑ์อายครีมจากแบรนด์ Origins ที่ใช้ส่วนผสมจากสารสกัดเมล็ดกาแฟ, สารสกัดจากโสม, สารสกัดแมกโนเลียและออพติกส์จากธรรมชาติ ช่วยให้ผิวดูกระจ่างใสขึ้น ฟื้นฟูผิวรอบดวงตาให้ดูสดชื่นขึ้นอย่างรวดเร็ว ให้ความรู้สึกสบายผิวและมอบผิวที่ดูเปล่งประกาย Origins GinZing Refreshing Eye Cream เป็นผลิตภัณฑ์อายครีมที่มีตรา Clean at Sephora ซึ่งหมายความว่าปราศจากส่วนผสมของซัลเฟตพาราเบนและพทาเลท ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ผลิตภัณฑ์มีการรีวิวจากผู้บริโภคมากมายว่าช่วยทำให้รอยคล้ำใต้ตาดูจางลงได้อย่างชัดเจน

สามารถสั่งซื้อได้ที่>> Shopee, Lazada

 

Charlotte Tilbury Magic Eye Rescue Cream

รายละเอียดสินค้า

ชื่อยี่ห้อ

Charlotte Tilbury Magic Eye Rescue Cream

ปริมาณ

15 ml

ราคาโดยประมาณ

2,400 บาท

ส่วนประกอบที่สำคัญ

สารสกัดจาก Winter Daphne

จุดเด่น

เพิ่มความกระจ่างใสและให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวบริเวณใต้ตา

 

Charlotte Tilbury Magic Eye Rescue Cream เป็นผลิตภัณฑ์อายครีมที่ถูกพัฒนามาเพื่อเพิ่มความกระจ่างใสและให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวบริเวณใต้ตาที่บอบบางด้วยส่วนผสมจากสารสกัด Winter Daphneในช่วงฤดูหนาวเป็นพฤกษศาสตร์ที่สามารถช่วยทำให้รอยคล้ำสว่างขึ้นและลดอาการบวม Charlotte Tilbury Magic Eye Rescue Cream เป็นอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์อายครีมที่เป็นที่ชื่นชอบในหมู่ดาราฮอลลีวู้ด และได้มีการรีวิวจากผู้ใช้ในอินเตอร์เน็ตหลายคนว่าหลังจากใช้อายครีมยี่ห้อนี้แล้วจะสังเกตเห็นว่าอาการบวมและรอยคล้ำใต้ตาลดลงจริงๆ อีกทั้งยังให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวบริเวณรอบดวงตาอีกด้วย

สามารถสั่งซื้อได้ที่>> Shopee

 

Drunk Elephant C-Tango Multivitamin Eye Cream

รายละเอียดสินค้า

ชื่อยี่ห้อ

Drunk Elephant C-Tango Multivitamin Eye Cream

ปริมาณ

15 ml

ราคาโดยประมาณ

2,600 บาท

ส่วนประกอบที่สำคัญ

เปปไทด์ 8 ชนิด, วิตามินซี 5 รูปแบบ, สารสกัดจากแตงกวา

จุดเด่น

ให้รอยคล้ำใต้ตาสว่างขึ้น, ผิวบริเวณใต้ตาดูกระชับและสดชื่นมากขึ้น

 

Drunk Elephant C-Tango Multivitamin Eye Cream เป็นผลิตภัณฑ์อายครีมที่ประกอบด้วยเปปไทด์ 8 ชนิด, วิตามินซี 5 รูปแบบ, สารสกัดจากแตงกวา ซึ่งทำหน้าที่ร่วมกันเพื่อทำให้รอยคล้ำใต้ตาสว่างขึ้นและผิวบริเวณใต้ตาดูกระชับและสดชื่นมากขึ้น Drunk Elephant สูตรนี้ปราศจากสารเติมเต็มทั้งแอลกอฮอล์, ซิลิโคน, SLS, Chemical screens, น้ำมันหอมระเหยหรือน้ำหอม, การแต่งสี จึงเหมาะสำหรับผิวบอบบางบริเวณรอบดวงตาที่สุด

สามารถสั่งซื้อได้ที่>> Shopee

 

Shiseido White Lucent Anti-Dark Circles Eye Cream

รายละเอียดสินค้า

ชื่อยี่ห้อ

Shiseido White Lucent Anti-Dark Circles Eye Cream

ปริมาณ

15 ml

ราคาโดยประมาณ

1,340 บาท

ส่วนประกอบที่สำคัญ

Super Hydro-Synergy Complex N ที่อุดมด้วย Humectant

จุดเด่น

ทำให้รอยคล้ำใต้ตาดูสดใสขึ้น, ทำให้ผิวใต้ตาดูอวบอิ่มและเติมเต็มความชุ่มชื้นให้แก่ผิว

 

Shiseido White Lucent Anti-Dark Circles Eye Cream เป็นผลิตภัณฑ์อายครีมที่ไม่เพียงแค่ลดเลือนรอยคล้ำใต้ตาที่น่ารำคาญเท่านั้น แต่มันยังช่วยทำให้ผิวใต้ตาของคุณดูอวบอิ่มและเติมเต็มความชุ่มชื้นให้แก่ผิวมากขึ้นอีกด้วย ผลิตภัณฑ์นี้ได้รับการทดสอบทั้งจากแพทย์ผิวหนังและจักษุแพทย์แล้วว่าไม่ทำให้ระคายเคืองต่อดวงตา ช่วยทำให้รอยคล้ำใต้ตาดูสดใสขึ้นและให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวในทันที พร้อมทั้งรักษาความชุ่มชื้นเป็นเวลาหลายชั่วโมงด้วยส่วนผสมจาก Super Hydro-Synergy Complex N ที่อุดมไปด้วย Humectant หลังจากใช้ประมาณ 5-6 สัปดาห์รอยคล้ำสีน้ำเงินและน้ำตาลจะลดลงอย่างเห็นได้ชัด และเมื่อใช้เป็นประจำอย่างต่อเนื่องจะเผยผิวพรรณที่ดูอ่อนเยาว์และเปล่งประกายมากขึ้น

สามารถสั่งซื้อได้ที่>> Shopee, Lazada

 

Cetaphil Hydrating Eye Gel Cream

รายละเอียดสินค้า

ชื่อยี่ห้อ

Cetaphil Hydrating Eye Gel Cream

ปริมาณ

14 ml

ราคาโดยประมาณ

699 บาท

ส่วนประกอบที่สำคัญ

กรดไฮยาลูโรนิค, น้ำมันเมล็ดองุ่น, วิตามินบี 3

จุดเด่น

ช่วยลดความหมองคล้ำ, ช่วยทำให้ผิวเรียบเนียน, เติมเต็มความชุ่มชื้นแก่ผิวบริเวณใต้ตา, ดูดซึมเข้าสู่ผิวได้อย่างรวดเร็ว, ไม่ทิ้งความเหนียวเหนอะหนะ

 

Cetaphil Hydrating Eye Gel Cream เป็นผลิตภัณฑ์อายครีมที่การทดสอบโดยแพทย์ผิวหนังว่าไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้หรือการระคายเคือง อีกทั้งยังช่วยลดความหมองคล้ำ ช่วยให้ผิวเรียบเนียนและเติมเต็มความชุ่มชื้นแก่ผิวบริเวณใต้ตาที่บอบบางอีกด้วย Cetaphil เป็นมอยเจอร์ไรเซอร์ที่ติดทนนานและมีประสิทธิภาพที่ล้ำลึกด้วยส่วนผสมจากกรดไฮยาลูโรนิคเข้มข้น ช่วยปกป้องผิวที่บอบบางรอบดวงตาจากการแห้ง พร้อมทั้งน้ำมันเมล็ดองุ่นและวิตามินบี 3 ที่ช่วยทำให้ผิวแลดูสุขภาพดีและเปล่งปลั่งมากขึ้น

สามารถสั่งซื้อได้ที่>> Shopee, Lazada

 

Peach & Lily Pure Peach Retinoic Eye Cream

รายละเอียดสินค้า

ชื่อยี่ห้อ

Peach & Lily Pure Peach Retinoic Eye Cream

ปริมาณ

20 ml

ราคาโดยประมาณ

1,900 บาท

ส่วนประกอบที่สำคัญ

Bakuchiol 0.5%, Rosehip Seed Oil, Beta-Carotene Rich Foods, Peach & Lily Retinoic Complex

จุดเด่น

ลดเลือนริ้วรอย, ฟื้นฟูเซลล์ผิวและช่วยทำให้ผิวแลดูกระจ่างใส

 

Peach & Lily Pure Peach Retinoic Eye Cream เป็นผลิตภัณฑ์อายครีมที่ประกอบด้วยส่วนผสมอย่าง Bakuchiol 0.5% ซึ่งเป็นเรตินอลที่ได้จากพืชที่สามารถช่วยทำให้รอยคล้ำรอบดวงตาสดใสและกระชับขึ้นอย่างเห็นได้ชัด มาพร้อมกับ Rosehip Seed Oil ที่มีกรดทรานส์เรติโนอิกตามธรรมชาติที่ช่วยฟื้นฟูเซลล์ผิวและช่วยทำให้ผิวแลดูกระจ่างใสและริ้วรอยที่ฝังลึกน้อยลงอย่างมาก อีกทั้งยังมี Beta-Carotene Rich Foods ซึ่งอุดมไปด้วยเบต้าแคโรทีนสูงและสารต้านอนุมูลอิสระที่เป็นสารตั้งต้นของ Retinoic Complex จากธรรมชาติอันชาญฉลาดสามารถจัดการกับสัญญาณริ้วรอยหลายอย่างและช่วยฟื้นฟูผิวบริเวณรอบดวงตาที่บอบบางได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้สูตรนี้ยังประกอบด้วย Peach & Lily Retinoic Complex ที่ได้รับการพิสูจน์ทางการแพทย์แล้วว่าอ่อนโยนกับทุกสภาพผิว

สามารถสั่งซื้อได้ที่>> Lazada

 

Estée Lauder Advanced Night Repair Eye Supercharged Complex

รายละเอียดสินค้า

ชื่อยี่ห้อ

Estée Lauder Advanced Night Repair Eye Supercharged Complex

ปริมาณ

15 ml

ราคาโดยประมาณ

1200 บาท

ส่วนประกอบที่สำคัญ

Tripeptide-32, Yeast Extract และ Hydrolyzed Algin

จุดเด่น

ปรับปรุงความหมองคล้ำของดวงตาทำให้รอยคล้ำจางลง, ลดเลือนริ้วรอย, เพิ่มความชุ่มชื้นแก่ผิว, ฟื้นฟูผิวที่ได้รับความเสียหายจากแสงสีฟ้า

 

Estée Lauder Advanced Night Repair Eye Supercharged Complex เป็นผลิตภัณฑ์อายครีมเนื้อเจลให้ความชุ่มชื่นที่ช่วยทำให้รอยคล้ำจางลงและซ่อมแซมความเสียหายจากจากสิ่งแวดล้อมไม่ว่าจะเป็นรังสียูวี มลภาวะ และแม้แต่การได้รับแสงสีฟ้าในเวลากลางคืน นอกจากนี้ยังช่วยฟื้นฟูผิวที่ได้รับความเสียหายจากแสงสีฟ้าที่ได้รับจากหน้าจอโทรศัพท์ รวมทั้งฟื้นฟูผิวจากการอดนอนด้วยเทคโนโลยี Chronolux CB™ ซึ่งประกอบไปด้วย  Tripeptide-32 ซึ่งช่วยให้ผิวทำงานตามที่ควรเป็น มาพร้อมกับ Yeast Extract และ Hydrolyzed Algin ซึ่งได้มีการจดสิทธิบัตรของ Estee Lauder ที่เคลมเอาไว้ว่าเป็น Autophagy Activator และ Proteosome Activator ในการช่วยขจัดสิ่งที่เซลล์ผิวไม่ต้องการออกไปเพื่อให้เซลล์ผิวทำงานได้ตามปกติ โดย Chronolux CB™ ที่ถูกนำมาใช้ให้ช่วยลดผลกระทบจากแสงสีฟ้า ช่วยทำให้รอยคล้ำรอบดวงตาแลดูสว่างสดใสขึ้น

สามารถสั่งซื้อได้ที่>> Lazada

 

Olay Regenerist Eye Lifting Serum

รายละเอียดสินค้า

ชื่อยี่ห้อ

Olay Regenerist Eye Lifting Serum

ปริมาณ

15 ml

ราคาโดยประมาณ

503 บาท

ส่วนประกอบที่สำคัญ

อะมิโน เปปไทด์, วิตามินบี 3, Hydra firming Complex, ไมโครสโคปิก ไลท์-รีเฟล็กติ้ง พาร์ติเคิล

จุดเด่น

ผลัดเซลล์ผิวใหม่ทำให้ผิวบริเวณรอบดวงตากระจ่างใสขึ้นทันที, ลดการเกิดริ้วรอยและลดเลือนริ้วรอย, ยกกระชับผิวรอบดวงตา, ลดรอยคล้ำรอบดวงตา, ซึมซาบได้เร็วไม่เหนอะหนะ

 

Olay Regenerist Eye Lifting Serum เป็นผลิตภัณฑ์อายครีมที่มีส่วนผสมของวิตามินบี 3 ช่วยลดเลือนความหมองคล้ำ และอะมิโน เปปไทด์ ช่วยลดการเกิดริ้วรอยและลดเลือนริ้วรอย โดยการผลัดเซลล์ผิวใหม่เพื่อทำให้ผิวบริเวณรอบดวงตากระจ่างใสขึ้นทันที พร้อมกับยกกระชับผิวรอบดวงตา เป็นสูตรบางเบาและซึมซาบได้เร็วไม่เหนอะหนะ ได้รับการทดสอบจากแพทย์ผิวหนังและจักษุแพทย์แล้วว่าไม่ก่อให้เกิดการระคายเคืองใด ๆ เป็นอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ที่ผู้ทดสอบต่างยกย่องว่าให้ความรู้สึกผ่อนคลายและคงความชุ่มชื้น และที่สำคัญเป็นสูตร Amino-Peptide-Complex ที่ปราศจากน้ำหอมช่วยเติมเต็มความชุ่มชื้นของผิวเพื่อสร้างชั้นผิวใหม่

สามารถสั่งซื้อได้ที่>> Shopee, Lazada

วิธีการทาอายครีมอย่างถูกต้อง

ผิวบริเวณรอบดวงตาเป็นส่วนที่บอบบางที่สุดในร่างกาย ทำให้ผิวบริเวณรอบดวงตาสูญเสียน้ำเร็วกว่าบริเวณอื่น ๆ บนใบหน้าหรือร่างกาย ทำให้มีแนวโน้มที่จะแห้งกร้าน Caroline Robinson ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของ Tone Dermatology ในชิคาโกอธิบายว่า การใช้ผลิตภัณฑ์อายครีมที่คิดค้นขึ้นเป็นพิเศษสำหรับดวงตานั้นมีความจำเป็นมากเพราะไม่เพียงแต่จะช่วยขจัดอาการระคายเคืองที่อาจเกิดขึ้นกับผิวบอบบางนั้น แต่ยังช่วยให้มั่นใจได้ว่าคุณจะได้รับผลลัพธ์ที่ดีที่สุดในลดรอยคล้ำใต้ตา ต่อต้านริ้วรอย และให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวอีกด้วย ด้วยเหตุนี้จึงทำให้หลายๆคนหันมาใช้ผลิตภัณฑ์อายครีมมากขึ้น แต่ก็ยังมีอีกหลายคนที่อาจมีคำถามเกี่ยวกับวิธีการทาอายครีมอย่างไรให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ดังนั้นผู้เขียนจึงมีวิธีการทาอายครีมอย่างถูกต้องมาแนะนำทุกคน ดังนี้

ขั้นตอนที่ 1ใช้อายครีมขนาดเท่าเมล็ดถั่ว: ครีมบำรุงรอบดวงตามีความเข้มข้นสูง ปริมาณเท่าเมล็ดถั่วจึงเหมาะสำหรับดวงตาทั้งสองข้าง

ขั้นตอนที่ 2 แต้มอายครีมจุดเล็ก ๆ บริเวณใต้ตาจากมุมด้านในหัวตาไปจนถึงหางตา: ให้แต้มอายครีมใต้ดวงตาโดยเริ่มที่ด้านในหัวตา เป็นครึ่งวงกลมจนถึงหางตา จากนั้นค่อยๆแตะในรูปแบบครึ่งวงกลมเพื่อกระตุ้นการไหลเวียนเพื่อให้ผลิตภัณฑ์ดูดซึมได้เต็มที่ ห้ามถูผิวหนังแรงๆในขณะที่คุณกำลังทาอายครีม

ขั้นตอนที่ 3 รอให้อายครีมซึมเข้าสู่ผิว: หลังจากทาผลิตภัณฑ์อายครีมรอบดวงตาแล้วให้รอประมาณ 90 วินาทีก่อนทาคอนซีลเลอร์หรือผลิตภัณฑ์สำหรับดูแลผิวอื่น ๆ เพื่อให้เวลาในการดูดซึมอย่างเต็มที่

ข้อควรจำ: อย่าทาอายครีมเข้าใกล้ตามากเกินไป เพื่อหลีกเลี่ยงการระคายเคืองตา

บทส่งท้าย

เป็นอย่างไรกันบ้างคะทุกคน สำหรับ 10 ผลิตภัณฑ์อายครีมที่ช่วยแก้ไขปัญหารอยคล้ำใต้ตาที่ผู้เขียนแนะมาฝาก บอกเลยว่าแต่ละแบรนด์ที่เราได้นำมาแนะนำนี้ล้วนแล้วแต่ได้รับการยอมรับจากผู้บริโภคว่าหลังการใช้จะเห็นผลลัพธ์ได้อย่างชัดเจน นอกจากนี้การใช้ผลิตภัณฑ์อายครีมยังถือว่าเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่คนรักสุขภาพผิวควรใช้เพราะผิวบริเวณรอบดวงตาเป็นผิวที่บอบบางที่สุด ทำให้รอยคล้ำจึงมักเกิดบริเวณนี้ที่สุดเช่นกัน โดยรอยคล้ำเหล่านี้เกิดจากการรวมตัวกันของเม็ดสีทำให้ผิวมีสีเข้มขึ้นและมีรอยแดงจากเส้นเลือดที่ขยายตัว ดังนั้นการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์อายครีมเพื่อบำรุงผิวใต้ตาจึงถือเป็นสิ่งที่ผู้เขียนอยากจะแนะนำกับผู้อ่านทุกคน และเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุดควรใช้ผลิตภัณฑ์อายครีมทั้งเช้าและก่อนนอน ส่วนขั้นตอนการทาอายครีมให้ลองทำตามวิธีที่ผู้เขียนแนะนำดูนะคะ และแนะนำให้ใช้เป็นกิจวัตรประจำวันที่สำคัญอย่าลืมทำความสะอาดผิวหน้าก่อนทาอายครีมกันด้วยนะคะ

นักเขียน: Suwanna Preebunpul

 

สวัสดีค่ะ ผู้อ่านที่น่ารักทุกท่าน นักเขียนออยนะคะ ไลฟ์สไตล์ส่วนตัว ชอบท่องเที่ยว ถ่ายรูป เขียนบทความแนวแนะนำสินค้า, เทคโนโลยี,สาระความรู้, แฟชั่น และGraphic Design ด้วยความที่ส่วนตัวชอบทำอะไรใหม่ๆอยู่เสมอ ในอนาคตข้างหน้าอาจจะมีงานเขียนแนวใหม่ๆออกมา ยังไงก็ฝากติดตามผลงานด้วยนะคะ

Categories
beauty health

10 ยาย้อมผม สีติดทนนาน ผมไม่แห้งเสีย ฉบับประจำปี 2021

แนะนำ 10 ยาย้อมผม ตัวท็อปสีติดทนนาน ยี่ห้อไหนถูกและดี  ผมไม่แห้งเสีย ฉบับประจำปี 2021

รูปลักษณ์ภาพนอกถือเป็นสิ่งแรกที่ทุกคนมองเห็น เป็นสิ่งที่ใครๆก็ต่างให้ความสำคัญ เพราะหากรูปลักษณ์ของคุณดูดีก็จะทำให้ผู้พบเห็นประทับใจคุณตั้งแต่ครั้งแรก ถือเป็นปัจจัยภายนอกที่ดึงดูดให้คนรอบข้างชื่นชอบในตัวคุณ ซึ่งการทำสีผมถือเป็นอีกหนึ่งวิธีที่จะสามารถบ่งบอกความเป็นตัวตนของคุณเองได้ง่ายๆค่ะ โดยสิ่งที่สำคัญที่สุดในการทำสีผม นั่นคือการเลือก “ยาย้อมผม” เพราะหากเลือกยี่ห้อสีย้อมผมที่ไม่มีคุณภาพ อาจส่งผมทำให้เส้นผมของคุณแห้งเสียได้ค่ะ

การย้อมผมช่วยปรับเปลี่ยนโครงหน้าของคุณได้ เช่นการทำผมสีดำให้ความรู้สึกที่ดูเรียบ สวย มีความเงางามแต่ก็ให้ความรู้สึกที่มืดนิดๆ จนบางทีอาจทำให้หน้าดูหมองได้ หรือหากคุณทำผมสีที่อ่อนลงก็จะทำให้ผิวหน้าของคุณดูสว่างขึ้นมาได้ อีกทั้งผมสีอ่อนยังช่วยลดความกระด้างของหน้า และเพิ่มความอ่อนโยนในแววตาได้อีกด้วย นอกจากนี้หากคุณต้องการเปลี่ยนลุคตัวเอง การทำสีผมก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่สามารถปรับเปลี่ยนลุคได้ดีตามความชอบของแต่ละคน แถมสมัยนี้การทำผม ยังมีหลากหลายรูปแบบ อาทิเช่น การทำไฮไลท์ โลว์ไลท์ ย้อมแค่ปลาย ย้อมแบบไล่สี เป็นต้น ในปัจจุบันเราสามารถเปลี่ยนสีผมเองได้ง่ายๆที่บ้าน ซึ่งวันนี้เราได้รอบรวมข้อมูลที่เกี่ยวกับยาย้อมผมและสิ่งที่ควรรู้ในการย้อมสีผม อีกทั้งเรายังมี 10 ยี่ห้อยาย้อมผมที่ถูกและดี ไม่ทำให้เส้นผมแห้งเสียมาฝากทุกคน จะเป็นอย่างไรกันบ้างตามมาดูกันเลยค่ะ

ยาย้อมผมคืออะไร?

ยาย้อมผม (Hair dyes) คือผลิตภัณฑ์ที่ประกอบด้วยสารเคมีสำหรับกัดสี และบางยี่ห้อจะเป็นสูตรสมุนไพร นิยมใช้ในการเปลี่ยนสีผมตามความต้องการของผู้ใช้ อาทิเช่น การใช้ยาย้อมผมเปลี่ยนผมสีเทาหรือสีขาวให้เป็นสีดำหรือเปลี่ยนสีผมเดิมให้มีสีสันแลดูสวยมากขึ้น และเพื่อตามแฟชั่น ยาย้อมผมจึงถือเป็นผลิตภัณฑ์ที่สามารถใช้ได้ตั้งแต่วัยรุ่นจถึงผู้สูงอายุ ทั้งเพศหญิงและชาย  ซึ่งการย้อมผมมีมาตั้งแต่สมัยโบราณ และยังได้รับความนิยมในหมู่คนทุกเพศ ทุกวัย โดยจุดเริ่มต้นการย้อมสีผมเกิดขึ้นที่ประเทศอังกฤษจากการใช้สีจากพืชชนิดหนึ่งที่ใช้ในอียิปต์โบราณในการย้อมผม ย้อมผิวหรือทำสีแต่งหน้าของชาวอียิปต์ ในราชวงศ์ชั้นสูง สำหรับในเอเชียการทำสีเริ่มโด่งดังและนิยมในญี่ปุ่นเป็นที่แรก และค่อยมีความนิยมสูงขึ้น จึงทำให้การทำสีผมเป็นที่นิยมไปทั่วโลก ในปัจจุบันยาย้อมผมมีหลายประเภท และมีรูปแบบทั้งยาย้อมผมแบบครีมและยาย้อมผมแบบสระ ทำให้ทุกคนสามารถเลือกได้ตามความถนัด แถมยังมีหลากหลายสีสันให้เลือกอีกด้วยค่ะ

ประเภทของยาย้อมผม

ยาย้อมผม จัดเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบที่หลากหลาย เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการ และปลอดภัยต่อสุขภาพเส้นผมของคุณในระยะยาว โดยส่วนประกอบเหล่านั้นทำให้สามารถจำแนกประเภทของยาย้อมผมได้ทั้งหมด 4 ประเภท ดังนี้

  1. ยาย้อมผมชนิดชั่วคราว (Temporary hair dyes)

ยาย้อมผมชนิดเปลี่ยนสีผมชั่วคราว เป็นยาย้อนผมชนิดทำสีผมติดแค่ชั่วคราว และสามารถหลังการสระผมด้วยแชมพูในครั้งแรก โดยยาย้อนผมชนิดนี้ใช้สีที่มีขนาดโมเลกุลใหญ่ ทำให้สีติดแค่บนผิวของเส้นผมชั่วคราวเท่านั้น ไม่ซึมเข้าไปชั้นในของ Cortex เส้นผม โดยผลิตภัณฑ์ประเภทนี้มักจะเป็นแบบพร้อมใช้ ไม่จำเป็นต้องผสมเอง ซึ่งส่วนใหญ่โทนสีที่มีให้เลือกใช้มักเป็นสีเจิดจ้า มีหลากหลายสีสัน นิยมนำมาย้อมสีผมสำหรับออกงานงานเพียงครั้งคราวหรือในเวลาสั้นๆ อีกทั้งยังใช้งานง่าย สะดวก และรวดเร็ว โดยใช้เวลาประมาณ 5-20 นาทีก็ได้สีผมตามความต้องการ กลิ่นไม่ค่อยฉุน และราคาไม่แพงอีกด้วยค่ะ

  1. ยาย้อมผมชนิดกึ่งถาวร (Semi-permanent hair dyes)

ยาย้อมผมชนิดกึ่งถาวร เป็นยาย้อมผมที่มีส่วนประกอบของเม็ดสีโมเลกุลขนาดเล็ก ทำให้สีติดบนผิวของเส้นผม และสามารถซึมลึกเข้าติดถึงชั้น Cortex ของเส้นผม ซึ่งผลิตภัณฑ์ประเภทนี้มักจะออกแบบมาให้สะดวกต่อการใช้ โดยมีรูปแบบทั้ง ครีมน้ำนม, โฟม หรือโฟมสระ โดยยาย้อมผมกึ่งถาวรใช้เวลาในการหมักประมาณ 15-30 นาที และมีความคงทนต่อการสระของผมได้นานตั้งแต่ 1 เดือน จนถึงหลายเดือน (ทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นอยู่กับความถี่ในการสระผม) อีกทั้งยังมีสีผมให้เลือกหลายหลาย เหมาะสำหรับคนที่ชอบย้อมผมเอง หรือคนที่ชอบเปลี่ยนสีผมบ่อยๆ ทุกเดือนมากๆเลยค่ะ แต่ก็ต้องมีความพิถีพิถันในการเกลี่ยยาย้อมผมให้ทั่วผมหน่อยนะคะ เพราะหากเกลี่ยไม่ทั่วถึงอาจจะให้สีผมติดไม่สม่ำเสมอได้ค่ะ

  1. ยาย้อมผมถาวร (Permanent Hair Dye)

ยาย้อมผมถาวรจะใช้ส่วนผมสที่สำคัญของสีย้อม นั่นคือ สีออกซิเดชั่น (Oxidation dyes) หรือ สีพารา (Para-dyes) ทำให้สีติดเส้นผมค่อนข้างคงทนนานหลายเดือน สามารถปกปิดผมขาว หรือทำให้เกิดย้อมสีใหม่ได้ดี สีที่ได้ดูเป็นธรรมชาติ สามารถฟอก และย้อมสีผมในเวลาเดียวกันได้ มีหลายเฉดสีตามต้องการ ยาย้อมผมถาวรชนิดนี้เป็นที่นิยมอย่างมาก โดยผลิตภัณฑ์นี้ประกอบด้วยสาร 2 ชนิด ที่ก่อนใช้ต้องนำมาผสมกันก่อน ซึ่งแรกจะเป็นสารผสมของ color intermediate ที่ทำให้เกิดสี ส่วนอีกชนิด คือ สารละลายไฮโดรเจนเพอร์ออกไซด์ หรือผงเพอร์-ออกไซด์ที่อยู่ในรูปของสารละลาย สารนี้จะใช้เป็นสารกัดสีผมหรือฟอกสีผมก่อนที่สีใหม่จะเข้าไปติดเส้นผม ยาย้อมผมถาวรมักใช้เวลาหมักประมาณ 30-45 นาที เพื่อให้เกิดการติดสีผมที่ดีที่สุด

  1. ยาย้อมผมสมุนไพร (Plant – based Hair Dye)

ยาย้อมผมสมุนไพร เป็นยาย้อมผมที่ใช้เม็ดสีจากสมุนไพรเพื่อใช้ในการย้อมผมโดยสีจะเคลือบติดบนเส้นผมเท่านั้น ไม่สามารถซึมลึกเข้าเกาะติดที่ชั้นในของผมได้ จึงถูกจัดเป็นจัดเป็นยาย้อมผมประเภทชั่วคราว ซึ่งสมุนไพรที่ใช้ที่เรารู้จักกันดี คือ ต้นเฮนน่า เป็นสมุนไพรที่ช่วยเปลี่ยนสีผม ปกปิดขาว ทำให้เลี่ยงการใช้สารเคมีได้ค่ะ ยาย้อมผมชนิดนี้มีรูปแบบผลิตภัณฑ์ให้เลือกหลายหลายทั้งแบบผงนำมาละลายน้ำร้อนก่อนหมัก แบบแชมพู หรือ ทรีตเมนท์ เป็นยาย้อมผมที่มีคุณสมบัติช่วยบำรุงเส้นผม ที่มีให้เลือกหลายรูปแบบตามความสะดวก แถมยังราคาถูกอีกด้วยค่ะ และด้วยความที่เป็นสมุนไพร จึงทำให้สีผมมีโอกาสหลุดง่าย หรืออาจทำให้สีผมดูไม่สม่ำเสมอได้ค่ะ

4 สิ่งที่ควรรู้ก่อนจะทำสีผมด้วยยาย้อมผม

สำหรับใครที่กำลังจะตัดสินใจเปลี่ยนแปลงสีผม นอกจากอ่านรีวิวยาย้อมผมตามอินเตอร์เน็ตแล้ว เราขอแนะนำ 4 สิ่งที่คุณควรรู้ก่อนเตรียมตัวทำสีผมด้วยยาย้อมผม เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ตอบโจทย์และสวยตรงใจมากที่สุด และเพื่อสุขภาพเส้นผมของตัวคุณเอง ดังนี้

  1. รู้ว่าตัวเองทำสีผมได้บ่อยแค่ไหน

การเปลี่ยนสีผมด้วยยาย้อมผมถือเป็นการการใช้สารเคมีกับร่างกายอย่างนึง เพราะในยาย้อมผมจะมีสารเคมีต่างๆเป็นส่วนประกอบ ที่อาจส่งผลก่อให้เกิดมะเร็งผิวหนังได้หากคุณเปลี่ยนสีผมบ่อยเกินไป ซึ่งได้มีผู้ทำการวิจัยเกี่ยวกับการย้อมผม และแพทย์ผู้เชี่ยวชาญได้รับรองแล้วค่ะว่าใน 1 ปีคนเราไม่ควรเปลี่ยนสีผมเกิน 9 ครั้งเพราะหากมากกว่านี้อาจเสี่ยงก่อให้เกิดโรคมะเร็งได้ค่ะ

  1. สิ่งที่ควรเตรียมตัวก่อนทำสีผม

แน่นอนว่าสิ่งแรกเลยคือการเตรียมผมให้มีสุขภาพที่ดีก่อนโดยการสระผมอาทิตย์ละ 2 ครั้ง เติมมอยเจอร์ไรเซอร์น้ำมันหรือเซรั่ม อาทิตย์ละ 3 ครั้ง และมาร์กทรีทเม้นอาทิตย์ละครั้ง ต่อมาก่อนทำสีผม 2 อาทิตย์งดการโดนสารเคมีไม่ว่าจะ ยืดหรือดัด เพราะหากทำติดต่อกันอาจทำให้ผมช๊อตได้นะคะ และก่อนทำสีผมประมาณ 1-2 วันไม่ควรสระผม เพื่อรักษาน้ำมันบนศีรษะ เพราะจะช่วยให้คุณไม่ระคายเคืองหนังศีรษะ

  1. รู้ว่าตัวเองควรทำสีผมเข้มหรือสว่าง

หากคุณยังไม่รู้ว่าตัวเองควรทำสีผมเข้มหรือสว่างดี ให้สังเกตดูได้จากสีผิวของคุณ ถ้าคุณมีโทนสีผิวที่สว่าง หรือตาสีน้ำตาลตามธรรมชาติการทำผมโทนสีเข้มจะช่วยขับผิวคุณให้ดูโด่ดเด่นมากขึ้นค่ะ

  1. การฟอกสีผมบลอนด์

คุณต้องรู้ก่อนว่าการฟอกสีผมบลอนด์ อาจจะทำให้ผมเสียได้ โดยการฟอกสีผมด้วยการฟอกขาวเพื่อดึงเม็ดสีออกจากเส้นผมก่อนที่จะทำสีบลอนด์ อาจจะทำให้เส้นผมของคุณเสียและแห้งได้ ดังนั้นเส้นผมควรได้รับการบำรุงอย่างดีโดยผู้เชี่ยวชาญ หรือทำสีที่ร้านทำผม เราไม่แนะนำให้ทำเองเพราะอาจทำให้ผมเสียขั้นรุนแรงได้ค่ะ

วิธีเลือกสียาย้อมผมให้เหมาะกับโทนสีผิวตาม Personal Color

สำหรับใครที่กำลังสับสนไม่รู้ว่าควรทำผมสีอะไรให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี หรือบางที่เลือกทำสีผมตามแบบดารา หรือทำสีผมตามเพื่อน แต่ผลที่ได้กลับไม่สวย หน้าดูซีดบ้าง หมองกว่าเดิมบ้าง สาเหตุอาจเกิดจากการที่คุณเลือกสีผมไม่ตรงกับโทนสีผิวของคุณ ดังนั้นวันนี้เราก็จะมาแนะนำการเลือกสียาย้อมผมให้เหมาะกับโทนสีผิวด้วยหลักการ Personal Color ที่ได้แบ่งผู้หญิงไว้เป็น 4 ฤดูกาล โดยมี 3 Step ดังนี้ค่ะ

  1. การรู้จักโทนสีผิวของตัวเอง

อันดับแรกคุณควรรู้จักโทนสีผิวของตัวเองก่อนว่าคุณมีเฉดสีผิวประมาณไหน ซึ่งสีตามหลัก Personal Color จะแบ่งสีออกเป็น 2 สีหลักๆ คือ อันเดอร์โทนสีน้ำเงิน (Cool) และ อันเดอร์โทนสีเหลือง (Warm) โดยคุณสามารถสังเกตจากสีของเส้นเลือดตรงท้องแขนว่าเป็นสีอะไร ดังนี้

  • เส้นเลือดสีน้ำเงินหรือม่วง แสดงว่าคุณมีสีผิวอันเดอร์โทนสีน้ำเงิน
  • เส้นเลือดสีเขียว แสดงว่าคุณมีสีผิวอันเดอร์โทนสีเหลือง
  1. การรู้จักว่าตัวเองเป็นสาวฤดูอะไร

อันดับต่อมาควรรู้ก่อนว่าตัวเองผ่านหลักการ Personal Color เพื่อให้ได้สีผมกับสีผิวที่ลงตัว โดยหลักการนี้แบ่งผู้หญิงไว้ทั้งหมด 4 ฤดูกาล ได้แก่ SUMMER, WINTER, SPRING, AUTUMN ซึ่งสามารถตามหาฤดูของตนเองได้จากสีผิวและการสังเกตสีของเส้นเลือดใต้ท้องแขน ดังนี้

  • Summer: ผู้ที่มีสีผิวขาวอมชมพู จนเห็นเส้นเลือดสีม่วงหรือน้ำเงิน กรณีสีผิวเข้มจะเห็นเป็นโทนแดง หรือสาวๆที่มีสีผิวอันเดอร์โทนสีน้ำเงิน
  • Winter: ผู้ที่มีสีผิวขาว-ขาวเหลือง จนเห็นเส้นเลือดเป็นสีม่วงหรือน้ำเงิน กรณีสีผิวเข้มจะเป็นสีน้ำตาลเข้ม หรือสาวๆที่มีสีผิวอันเดอร์โทนสีน้ำเงิน
  • Spring: ผู้ที่มีสีผิวโทนเหลือง-ผิวสีน้ำผึ้ง จนเห็นเส้นเลือดเป็นสีเขียว หรือสาวๆที่มีสีผิวอันเดอร์โทนสีเหลือง
  • Autumn: ผู้ที่มีสีผิวขาวมาก วานิลลา งาช้าง หรือผิวสีแทน ที่จะเห็นเส้นเลือดเป็นสีเขียว หรือสาวๆที่มีสีผิวอันเดอร์โทนสีเหลือง
  1. การเลือกสีผมให้เหมาะกับฤดูกาลของตัวเอง
  • Summer: เหมาะกับสีผมโทนเย็นที่ให้ความรู้สึกเบาๆ นุ่มนวล ดูโปร่งแสง เช่น สีน้ำตาลแอชโปร่งใส เป็นต้น สาวๆฤดูนี้จะมีภาพลักษณ์ที่ดูอ่อนโยน ละเอียดอ่อน มีความเป็นผู้หญิงสูงค่ะ
  • Winter: เหมาะกับสีผมที่มีความชัดเจน หรือสีสันค่อนข้างฉูดฉาด เช่น สีชมพู เพราะจะช่วยขับผิวที่ค่อนข้างขาวซีดให้ดูสดใสยิ่งขึ้นค่ะ สาวๆฤดูนี้จะมีภาพลักษณ์ที่โดดเด่นแตกต่างจากคนอื่น และมีเสน่ห์ชวนมองมากๆค่ะ
  • Spring: เหมาะกับผมสีสว่างสดใส แต่ไม่ฉูดฉาดเท่าสาว Winter ควรเป็นโทนอุ่นที่มีเม็ดสีเหลืองหรือสีน้ำตาลอ่อน เช่น สีแอชกากี สาวๆฤดูนี้จะมีภาพลักษณ์สดใส ร่าเริง พูดเก่ง เข้ากับคนอื่นได้ง่าย ใครเห็นก็ต่างชื่นชอบค่ะ
  • Autumn: เหมาะกับสีโทนอุ่นที่เข้มขึ้นกว่าสาว Spring นิดๆ อย่างสีน้ำตาลเข้ม หรือสีโทน Dark Brown ที่มีความสุขุม ดูมีระดับ แต่ยังแสดงออกถึงอารมณ์ความรู้สึกที่อ่อนโยน เช่น สีน้ำตาลเบจ สาวๆฤดูนี้จะมีภาพลักษณ์ของสาวชิค ที่ดูหรูหรา เป็นผู้ใหญ่ มีความมั่นใจและเป็นตัวของตัวเองสูงค่ะ

10 ยี่ห้อยาย้อมผม ตัวท็อป สีติดทนนาน ผมไม่แห้งเสีย

สำหรับใครที่กำลังที่เปลี่ยนสีผม โดยการย้อมผมด้วยยาย้อมผมที่มีให้เลือกทั้งแบบครีมและแบบโฟม แต่การจะย้อมสีผมให้โดดเด่นสีผมตรงตามความต้องการ และเส้นผมดูสุขภาพดี ไปจนถึงสีติดทนนานอาจเป็นสิ่งที่ทำได้ยาก แต่ก็ใช่ว่าจะทำไม่ได้

 ด้วยวิธีทำง่ายๆ โดยการเลือกยี่ห้อยาย้อมผมที่ดีและเหมาะกับสภาพผมของคุณ ซึ่งวันนี้เราก็มี 10 ยี่ห้อยาย้อมผมที่ได้รับความนิยมในท้องตลาด เพื่อผมสวย สีเด่นชัด ผมไม่แห้งเสีย และที่สำคัญคือสีติดทนนาน ถ้าอยากรู้ว่ามียี่ห้อไหนบ้าง ตามมาดูกันเลยค่ะ

  1. Lolane Z-Cool Color Milk
  2. Beautylabo Whip Hair Color
  3. Mise En Scene Hello Bubble X Blackpink
  4. Liese Creamy Bubble Hair Color
  5. Schwarzkopf Fresh Light Foam Color
  6. REVLON Colorsilk Beautiful Color
  7. L’oreal Excellence Creme
  8. Carebeau Pastel Hair Color
  9. Dcash Intouch Color Cream
  10. Berina Hair Color Cream

Lolane Z-Cool Color Milk

รายละเอียดสินค้า

ยี่ห้อ

Lolane Z-Cool Color Milk

รูปแบบยาย้อมผม

เนื้อครีม

ปริมาณ

45 g.

ราคา

185 บาท

 

หลายคนคงพอทราบกันดีว่า โลแลน เป็นยี่ห้อสินค้าที่มีผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับเส้นผมหลายอย่าง ซึ่ง Lolane Z-Cool Color Milk ก็เป็นอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ยาย้อมผมของยี่ห้อนี้ เป็นยาย้อมผมเนื้อครีมที่ผสมผสานคุณค่าจาก “นมฮอกไกโด” ช่วยให้ความชุ่มชื้นกับเส้นผม ทำให้ผมนุ่มสลวย ด้วยเทคโนโลยี Micro Crystal ที่ช่วยดับกลิ่นเคมี และทำให้เม็ดสีเข้าสู่โครงสร้างเส้นผมล้ำลึกสม่ำเสมอ มีสีสันสดใส ประกายสีชัดเจน เงางาม อีกทั้งนมฮอกไกโด (Hokkaido Milk Extract) ยังช่วยทำให้เส้นผมแข็งแรงเสมือนทำทรีทเม้นส์น้ำนม แถมยี่ห้อนี้ใช้สะดวก เกลี่ยง่าย หอมกลิ่นนมฮอกไกโดอีกด้วยค่ะ โดยใช้เวลาหมักประมาณ 30-40 นาที แล้วแต่สภาพผมของแต่ละบุคคลค่ะ

สามารถหาซื้อสินค้าได้ที่ >> konvy, shopee, lazada

Beautylabo Whip Hair Color

รายละเอียดสินค้า

ยี่ห้อ

Beautylabo Whip Hair Color

รูปแบบยาย้อมผม

เนื้อโฟม

ปริมาณ

125 ml.

ราคา

184-259 บาท

 

Beautylabo Whip Hair Color เป็นยาย้อมผมเนื้อโฟมฟูนุ่มเข้มข้นจากญี่ปุ่นที่อุดมไปด้วยคุณค่าสารสกัดชั้นเลิศ ได้แก่ น้ำผึ้ง ผลไม้ และเอสเซนท์จากดอกกุหลาบ ทำให้มีกลิ่นหอมของผลไม้และกุหลาบขณะทำสีผม เป็นโฟมเปลี่ยนสีผมสูตรบำรุงผมทำสี ให้ความชุ่มชื่น นุ่มสลวย เป็นประกายสดใส และที่สำคัญสีผมสวย และสม่ำเสมอ เหมาะสำหรับมือใหม่หัดเปลี่ยนสีผม ให้ออกมาสวย ทำเองง่ายๆแค่เขย่าให้ได้โฟมค่ะ

สามารถหาซื้อสินค้าได้ที่ >> shopee, lazada

Mise En Scene Hello Bubble X Blackpink

รายละเอียดสินค้า

ยี่ห้อ

Mise En Scene Hello Bubble X Blackpink

รูปแบบยาย้อมผม

เนื้อโฟม

ปริมาณ

95 g.

ราคา

278-399 บาท

 

Mise En Scene Hello Bubble X Blackpink เป็นอีกหนึ่งยาย้อมผม เนื้อโฟมที่สาวเกาหลีฮิตมากๆ โดยภายในกล่องจะมีอุปกรณ์ทั้งหมด 5 ชิ้น คือ สีผม 30 กรัม, ดีเวลลอปเปอร์ 60 กรัม, ออยล์ปรับสภาพผม 5 กรัม, ทรีทเม้นท์ 3MIN SALON PACK และหัวปั๊ม ซึ่งโฟมเปลี่ยนสีผมยี่ห้อนี้ไม่ทำให้ผมแห้งเสีย สีผมที่ได้ก็สวยตรงปกสไตล์เกาหลี ที่สำคัญมีส่วนผสมจากธรรมชาติที่ช่วยบำรุงผมไม่แห้งเสียระหว่างทำสี นั่นคือลาเวนเดอร์ ช่วยถนอมหนังศีรษะและสร้างความชุ่มชื้นให้เส้นผม, มาดอนน่าลิลลี่ ช่วยปลอบประโลมหนังศีรษะได้อย่างดีเยี่ยม และคาโมมายล์ ช่วยฟื้นฟูสภาพเส้นผมที่แห้งหยาบกร้าน มอบสัมผัสนุ่มลื่นและความเงางามให้เส้นผม อีกทั้งยังเป็นสูตรที่ไม่มีแอมโมเนียที่ทำให้ผมแห้งเสียเป็นไม้กวาด และย้อมติดง่ายแม้ผมสีเข้ม แถมยังให้สีผมที่ชัดตลอดทั้งเส้นอีกด้วยค่ะ

สามารถหาซื้อสินค้าได้ที่ >> konvy, shopee, lazada, watsons

Liese Creamy Bubble Hair Color

รายละเอียดสินค้า

ยี่ห้อ

Liese Creamy Bubble Hair Color

รูปแบบยาย้อมผม

เนื้อโฟม

ปริมาณ

100 g.

ราคา

199-350 บาท

 

Liese Creamy Bubble Hair Color เป็นยาย้อมผมจากแบรนด์ Liese (ลิเซ่) เป็นโฟมเปลี่ยนสีผมที่หลายคนรีวิวว่าใช้งานง่าย สามารถย้อมผมได้ด้วยตัวเอง ด้วยความที่เป็นเนื้อโฟมหนานุ่มที่แทรกซึมทั่วทั้งเส้นผม ทำให้ได้สีผมที่สวยสม่ำเสมอ และหลังจากทำสีผมออกมาแล้ว จะให้ความรู้สึกผมนุ่มลื่น ชุ่มชื่น แม้ใช้นิ้วสาง เพราะมีส่วนผสมเคลือบปกป้องเส้นผม โฟมเปลี่ยนสีผมยี่ห้อนี้ราคาไม่แรงมา หาซื้อง่าย ที่สำคัญมีสีให้เลือกทั้งหมด 10สี แบ่งออกเป็น 2 ซีรีย์ คือ Natural series และ Design series โดย Natural series มีทั้งหมด 4 สี จะเป็นโทนสีน้ำตาลธรรมชาติ และ Design series มีทั้งหมด 6 สี จะเป็นโทนสีสันต่างๆค่ะ อีกทั้งผลลัพธ์ที่ได้ก็ดีมากๆเลยค่ะ สีจะละมุน ไม่จัดมาก แต่ก็ขึ้นอยู่กับสภาพผมของแต่ละคนด้วยนะคะ

สามารถหาซื้อสินค้าได้ที่ >> konvy, shopee, lazada, watsons

Schwarzkopf Fresh Light Foam Color

รายละเอียดสินค้า

ยี่ห้อ

Schwarzkopf Fresh Light Foam Color

รูปแบบยาย้อมผม

เนื้อโฟม

ปริมาณ

105 ml.

ราคา

349

 

Schwarzkopf Fresh Light Foam Color เป็นยาย้อมผมชนิดโฟมเปลี่ยนสีผมสุดฮิตจากญี่ปุ่น หรือที่หลายคนเรียกว่าโฟมย้อมผมตุ๊กตาบลายธ์ เพราะกล่องบรรจุที่มีลายของตุ๊กตาบลายธ์แสนน่ารัก เป็นโฟมเปลี่ยนสีผมที่มีขั้นตอนการทำง่าย ๆ ที่มาพร้อมกับขวดหัวปั๊ม กดใช้งานง่าย เนื้อโฟมหนานุ่ม ๆ ละเอียดทำให้สามารถแทรกซึมเข้าสู่เส้นผมได้ดี อีกทั้งเนื้อโฟมยังอุดมไปด้วยสารบำรุงที่ให้ความชุ่มชื้นเส้นผมถึง 8 ชนิด และมาพร้อมกับทรีทเมนท์กลิ่นหอมของผลไม้ภายในกล่อง ที่มีสารบำรุงจากซิลค์ ซึ่งจะช่วยบำรุงเส้นผมอย่างล้ำลึกพร้อมปิดเกล็ดผมให้เรียบลื่น เงางาม ให้ผมมีสีสวยและนุ่มสลวย ไม่ทำให้ผมแห้งเสียหลังจากทำเสร็จ แถมมีเฉดสีให้เลือกถึง 12 เฉดสีอีกด้วยค่ะ

สามารถหาซื้อสินค้าได้ที่ >> shopee, lazada

REVLON Colorsilk Beautiful Color

รายละเอียดสินค้า

ยี่ห้อ

REVLON Colorsilk Beautiful Color

รูปแบบยาย้อมผม

เนื้อครีม

ปริมาณ

130 ml.

ราคา

229-269 บาท

 

REVLON Colorsilk Beautiful Color เป็นผลิตภัณฑ์ยาย้อมผมชนิดแบบครีม ให้สีผมที่ดูเป็นธรรมชาติ มีความคมชัดและมีมิติตั้งแต่โคนจรดปลาย ด้วยเทคโนโลยี 3D Color Gel TechnologyTM ช่วยผสานรวมสีผม คอนดิชันเนอร์ และโพลิเมอร์ เข้าไว้ด้วยกัน จึงทำให้ผมสวยอย่าง เป็นธรรมชาติ เส้นผมเป็นประกายเงางาม นุ่มลื่น ดูมีสุขภาพดีขึ้น ปกปิดผมขาวได้ 100% ไม่มีส่วนผสมของแอมโนเนีย ทำให้เส้นผมดูมีสุขภาพดี ไม่แห้งกร้าน หลังจากทำการเปลี่ยนสีแล้ว แถมยังมีเฉดสีให้เลือกถึง 10 เฉดสีอีกด้วยค่ะ

สามารถหาซื้อสินค้าได้ที่ >> konvy, shopee, watsons

L’oreal Excellence Crème

รายละเอียดสินค้า

ยี่ห้อ

L’oreal Excellence Creme

รูปแบบยาย้อมผม

เนื้อครีม

ปริมาณ

48 ml.

ราคา

339 บาท

 

L’oreal Excellence Creme เป็นยาย้อมผมชนิดเนื้อครีมที่เหมาะสำหรับสำหรับคนที่ต้องการปกปิดผมขาว  สามารถปิดผมขาวได้เนียนสนิท 100% ด้วยเทคโนโลยี แอดวานซ์ ทริปเปิ้ล-แคร์ ที่ช่วยทั้งฟื้นฟู ช่วยบำรุงและปกป้องเส้นผม ให้สีผมสวยดูสุขภาพดี ที่สำคัญช่วยทำให้สีผมติดทนนาน และมีเฉดสีให้เลือกเยอะมากถึง 25 เฉดสีเลยค่ะ แถมยังมีการปกป้องเส้นผม 3 ขั้นตอน ด้วยเซราไมด์ที่ช่วยปกป้องเส้นผมก่อนทำสี, โปร-เคราติน ช่วยคืนความแข็งแรงให้เส้นผมระหว่างทำสี และช่วยฟื้นบำรุงเส้นผมหลังทำสีด้วยคอลลาเจน เพื่อให้คุณได้มั่นใจทุกครั้งหลังการทำสีผมค่ะ

สามารถหาซื้อสินค้าได้ที่ >> shopee

Carebeau Pastel Hair Color

รายละเอียดสินค้า

ยี่ห้อ

Carebeau Pastel Hair Color

รูปแบบยาย้อมผม

เนื้อครีม

ปริมาณ

100 g.

ราคา

69 บาท

 

ครีมเปลี่ยนสีผม Carebeau Pastel Hair Color เป็นอีกหนึ่งยาย้อมผมที่ไม่มีส่วนผสมของแอมโมเนีย และ

ไฮโดรเจน เปอร์ออกไซด์ แถมมีราคาที่ถูกมากๆ แค่หลักสิบ ตัวเนื้อครีมย้อมผมมีกลิ่นหอมของกุหลาบ ทำให้ผมหอมยาวนาน พร้อมให้สีผมสวยหวานพาสเทล มีส่วนผสมของโรสฮิปออยล์ ช่วยบำรุงผมตลอดการทำสี จึงทำให้ผมสวยนุ่มลื่น เงางาม และไม่แห้งเสีย แต่ก่อนใช้คุณต้องกัดสีให้ผมเป็นสีบลอนด์เกือบขาวประมาณระดับ 8 ขึ้นไปก่อนถึงจะได้สีตามหน้ากล่อง ครีมเปลี่ยนสีผมยี่ห้อนี้มีเฉดสีให้เลือกทั้งหมด 6 เฉดสี คือ T02 Pink Pastel (สีชมพูพาสเทล), T03 Purple Pastel (สีม่วงพาสเทล), T04 Ash Grey Pastel (สีเทาพาสเทล), T05 Yellow Pastel (สีเหลืองพาสเทล) และT06 Green Pastel (สีเขียวพาสเทล) ใช้เวลาในการหมักทิ้งไว้ประมาณ 30 นาทีค่ะ

สามารถหาซื้อสินค้าได้ที่ >> shopee, lazada

Dcash Intouch Color Cream

รายละเอียดสินค้า

ยี่ห้อ

Dcash Intouch Color Cream

รูปแบบยาย้อมผม

เนื้อครีม

ปริมาณ

100 ml.

ราคา

55 บาท

 

Dcash Intouch Color Cream ดีแคช อินทัชคัลเลอร์ครีม เป็นยาย้อมผมชนิดครีมเปลี่ยนสีผมที่อ่อนโยนต่อเส้นผม มาพร้อมประสิทธิภาพที่เต็มเปี่ยมทั้งปิดผมขาวแนบสนิท และบำรุงเส้นผมล้ำลึกขณะเปลี่ยนสี อีกทั้งยังปกป้องไม่ให้เส้นแห้งเสีย ให้สัมผัสแห่งความงามที่เหนือชั้น เส้นผมเรียบนุ่ม สร้างความโดดเด่นบนเรือนผมดั่งเนรมิต ด้วยการผสมผสานคุณค่าจาก ชาขาวและเซราไมด์ เอทู บำรุงล้ำลึกแบบเส้นต่อเส้น เส้นผมเป็นประกายเงางาม และสีเด่นชัดมากขึ้นค่ะ

สามารถหาซื้อสินค้าได้ที่ >> shopee, Lazada

Berina Hair Color Cream

รายละเอียดสินค้า

ยี่ห้อ

Berina Hair Color Cream

รูปแบบยาย้อมผม

เนื้อครีม

ปริมาณ

60 ml.

ราคา

25-45 บาท

 

Berina Hair Color Cream ครีมเปลี่ยนสีผมยี่ห้อ เบอริน่า เป็นอีกหนึ่งยี่ห้อยาย้อมผมที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน เนื่องจากมีราคาที่ถูกมากเว่อร์แต่ให้สีที่สวยไม่เพี้ยนและติดทนมาก และยังมาเฉดสีหาเลือกมากมายตั้ง 47 เฉดสี เป็นครีมย้อมผมที่ไร้ส่วนผสมของแอมโมเนีย มีคุณสมบัติช่วยปกป้องเส้นผมของคุณจากการถูกทำร้าย พร้อมทั้งทำให้เส้นผมเปล่งประกาย ติดทนนาน และสามารถปิดผมขาว เหมาะสำหรับผู้ที่รักเส้นผมแต่มีเวลาจำกัด ผมขาดการบำรุงค่ะ

สามารถหาซื้อสินค้าได้ที่ >> shopee, Lazada

วิธีดูแลรักษาเส้นผมหลังจากใช้ยาย้อมผม

ปัญหาหที่พบมากที่สุดหลังจากใช้ยาย้อมผมในการเปลี่ยนสีผมส่วนมากจะเป็นเรื่องการสูญเสียความแข็งแรงของเส้นผม เพราะยาย้อมผมที่คุณเลือกใช้อาจส่งผลทำให้เส้นผมอ่อนแอเปราะขาดง่าย ซึ่งมีระดับความเสียของเส้นผมที่ต่างกันออกไปขึ้นอยู่กับลักษณะเส้นผมของแต่ละคน ดังนั้นคุณควรต้องเอาใจใส่เส้นผมให้มากกว่าเดิม ระวังอย่าใช้สารเคมีกับเส้นผม และต้องหาผลิตภัณฑ์บำรุงผมที่เหมาะกับผมทำสีมาใช้เพื่อช่วยถนอมเส้นผมและคงสีผมเอาไว้ไม่ให้หลุดลอกเร็วจนเกินไป ซึ่งวันนี้เราก็มีวิธีดูแลรักษาเส้นผมหลังการทำสีผมมาฝากทุกคนทั้งการดูแลเส้นผมหลังทำสี และการดูแลให้สีผมติดทนนาน

การดูแลเส้นผมหลังทำสี

หลังจากที่เส้นผมของคุณผ่านการทำสีจากยาย้อมผมเรียบร้อยแล้ว หลังจากนี้คุณควรดูแลเส้นผมหลังทำสีอย่างถูกวิธี เพื่อป้องกันผมเสียและสีผมหลุดเร็วเกินไป และต้องบำรุงเส้นผมให้เส้นผมแข็งแรงมีสุขภาพดี ซึ่งสามารถทำได้ง่ายๆดังนี้

  • ไม่ควรสระผมทันทีหลังทำสีผม: หลังทำสีผมเสร็จใหม่ ๆ ไม่ควรสระผมในทันที เพราะอาจทำให้สีผมที่ทำมาหลุดออกและจางลงได้ ควรสระผมหลังทำสีครบ 72 ชั่วโมงก่อนจึงสามารถสระผมได้ เพื่อให้สีผมเซ็ตตัวไปกับเกล็ดผมให้ดีเสียก่อนค่ะ
  • ไม่ควรสระผมบ่อยเกินไป: การสระผมบ่อยเกินไปจะมีผมบางส่วนหลุดลอกออกไปด้วย ควรปรับเปลี่ยนมาสระผมโดยสระผมทุก 2-3 วัน เพื่อให้สีผมติดอยู่ได้นานมากยิ่งขึ้นค่ะ
  • เลือกใช้แชมพูสำหรับผมทำสี: การเลือกใช้แชมพูสำหรับผมทำสีถือเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับเส้นผมที่ผ่านการทำสีเนื่องจากผลิตภัณฑ์เพื่อผมทำสีจะออกแบบมาเพื่อช่วยคงสีผมเอาไว้ให้อยู่ทนนานมากกว่าการใช้แชมพูธรรมดา และยังอ่อนโยนต่อเส้นผม ลดโอกาสเกิดผมเสียได้ค่ะ
  • เลือกใช้เซรั่มและทรีตเมนต์บำรุงผม: ควรเลือกใช้เซรั่มและทรีทเมนต์บำรุงผมสำหรับผมทำสี จะช่วยบำรุงผมให้แข็งแรง และดูแลผมทำสีได้อย่างตรงจุด แถมยังช่วยไม่ทำให้สีผมหลุดอีกด้วยค่ะ
  • เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ป้องกันเส้นผมจากความร้อน: ผมทำสีไม่ควรต้องเผชิญกับความร้อนของแสงแดดและอุปกรณ์ทำผมที่ใช้ความร้อน หากหลีกเลี่ยงความร้อนไม่ได้ ก็ควรใช้ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยป้องกันเส้นผมจากความร้อนเพื่อให้เส้นผมไม่ถูกทำร้ายและสีผมอยู่ติดทนมากขึ้นค่ะ
  • หลีกเลี่ยงไม่ให้เส้นผมสัมผัสคลอรีน: ไม่ควรให้เส้นผมที่ทำสีสัมผัสคลอรีนโดยตรง เพราะคลอรีนจะทำให้สีผมหลุดออกได้ แต่หากต้องว่ายน้ำ เมื่อขึ้นมาแล้วก็ควรทำความสะอาดเส้นผมทันที และต้องไม่ลืมใช้ทรีทเมนต์บำรุงผมอย่างเด็ดขาดนะคะ

การดูแลให้สีผมติดทนนาน

  • เส้นผมที่ผ่านการทำสีจากยาย้อมผม ควรหลีกเลี่ยงแสงแดดและความร้อน เพราะจะทำให้สีผมหลุดได้ง่าย
  • ห้ามสระผมด้วยน้ำอุ่น เพราะจะทำให้เกร็ดผมเปิดและดึงสีกับความชุ่มชื้นของผมออก ควรใช้น้ำอุณหภูมิห้องแทน
  • ไม่ควรสระผมบ่อยเกินไป เพราะยิ่งสระสีผมยิ่งหลุดง่ายมากขึ้น
  • อย่าให้ผมโดนคลอรีน เนื่องจากคลอรีนจะไปทำให้สีผมหลุดลอกได้เร็ว
  • ลดปริมาณการใช้คอนดิชั่นเนอร์หลังสระ เพื่อช่วยให้ช่วยล็อคสีผมให้คงทน
  • ใช้ที่กรองฝักบัวเพื่อลดความแรงของน้ำที่ใช้ในการสระผม เพราะหากน้ำไหลแรงเกินไปอาจทำให้สีผมหลุดได้เร็วยิ่งขึ้น

บทส่งท้าย

สำหรับยาย้อมผม 10 ยี่ห้อที่เราได้รวบรวมมาฝากทุกคนในวันนี้จะมีทั้งแบบชนิดครีมและแบบชนิดโฟม โดยการย้อมผมด้วยครีมย้อมผมจะทำยากกว่าการใช้แบบโฟม เพราะต้องทาให้ทั่วทุกเส้นผม อีกทั้งครีมย้อมผมส่วนใหญ่มักมีกลิ่นค่อนข้างฉุน บางคนอาจเกิดอากาศแพ้ได้ แต่ยาย้อมผมแบบชนิดครีมจะให้สีที่ทนทานกว่า ส่วนยาย้อมผมชนิดโฟมจะคล้าย ๆ กับแชมพู ทำให้เราใช้งานได้ง่าย ล้างออกง่ายกว่าแบบครีม แต่มีข้อเสียคือสีไม่ทนทานเท่าแบบครีมและมีราคาแพงกว่าค่ะ ยี่ห้อยาย้อมผมที่เราได้นำมาแนะนำนี้สามารถใช้ได้ทั้งผู้ชายและผู้หญิง ซึ่งก่อนจะทำการเปลี่ยนสีผมเราควรต้องทราบก่อนว่าเราเหมาะกับผมสีอะไร แต่เหนือสิ่งอื่นใดก็คือการเลือกผลิตภัณฑ์ทำสีผมที่ได้มาตรฐานและคุณภาพ เพื่อสุขภาพผมที่ดี และเพื่อทำให้สีผมติดทนนาน ทั้งนี้ทั้งนั้นนอกจากยี่ห้อยาย้อมผมแล้วยังมีการดูแลรักษาเส้นผมของแต่ละคนที่จะช่วยให้สีผมที่ทำติดทนนานได้ดียิ่งค่ะ

 

 

นักเขียน: Suwanna Preebunpul

 

สวัสดีค่ะ ผู้อ่านที่น่ารักทุกท่าน นักเขียนออยนะคะ ไลฟ์สไตล์ส่วนตัว ชอบท่องเที่ยว ถ่ายรูป เขียนบทความแนวแนะนำสินค้า, เทคโนโลยี,สาระความรู้, แฟชั่น และGraphic Design ด้วยความที่ส่วนตัวชอบทำอะไรใหม่ๆอยู่เสมอ ในอนาคตข้างหน้าอาจจะมีงานเขียนแนวใหม่ๆออกมา ยังไงก็ฝากติดตามผลงานด้วยนะคะ

10 อันดับยี่ห้อยาย้อมผมที่ถูกและดี สีสวยติดทนนาน ฉบับประจำปี 2022

Categories
beauty health

10 แชมพู เร่งผมยาว เพิ่มการเติบโตของเส้นผม ให้ผมคุณยาวไวขึ้น

สาวๆคนไหนที่ต้องรับมือกับปัญหาผมร่วงที่ส่งผลให้ผมบาง หรือบางคนผมเกิดใหม่ยาวช้า และต้องการที่จะ เร่งผมยาว วันนี้เราก็มีวิธีและผลิตภัณฑ์แชมพูสระผมสูตรพิเศษที่สามารถช่วยเร่งกระบวนการให้เส้นผมยาวไวขึ้นมาฝากทุกคน ซึ่งปัจจัยที่ช่วยเพิ่มความเร็วในการเจริญเติบโตของเส้นผมมีหลากหลาย อาทิเช่น การเลือกรับประทานผลิตภัณฑ์ที่มีสารอาหารที่ช่วยเร่งผมยาวให้เร็วขึ้น และการเลือกให้แชมพูสระผมหรือเซรั่มเร่งผมยาว

Dr. Shani Francis แพทย์ผิวหนังได้กล่าวไว้ว่า “จริงๆแล้วการรับประทานอาหารจำพวกเนื้อสัตว์ไม่ติดมัน, ผักใบเขียว, ถั่วและปลาที่อุดมไปด้วยโอเมก้า 3, ไฟเบอร์, กำมะถัน และโปรตีน ที่สำคัญการดื่ม (แนะนำให้ดื่มน้ำวันละ 2 ลิตรต่อวัน) มีส่วนเสริมช่วยเร่งความเร็วในการเจริญเติบโตของเส้นผมของคุณ” เธอยังได้เสริมอีกว่า “สิ่งสำคัญที่ต้องจำไว้เลยว่าเส้นผมของเราต้องการที่จะได้รับประโยชน์จากสารอาหารเช่นเดียวกับร่างกายของเรา” นอกจากนี้เส้นผมของคนเรามีวงจรการเจริญเติบโตของมันเอง แต่สำหรับสาวๆคนไหนที่ต้องการกระตุ้นการเจริญเติบโตของเส้นผมให้ยาวเร็วขึ้นแบบไม่เจ็บและเห็นผลเร็วที่สุดด้วยแชมพูสระผมสูตรเร่งผมยาว ซึ่งแชมพูสระผมประเภทนี้จะมีส่วนผสมของสารเคมีที่อาจทำให้หนังศีรษะของคุณเกิดปัญหาตามมาได้ ดังนั้นคุณต้องสังเกตว่าแชมพูสระผมสูตรเร่งผมยาวที่เลือกใช้นั้นเหมาะสำหรับหนังศีรษะของคุณหรือไม่ ซึ่งในวันนี้เราก็ได้รวบรวม 10 แชมพูสระผมสูตรเร่งผมยาวที่ช่วยเพิ่มการเจริญเติบโตของเส้นผมให้คุณได้เลือกใช้ส่วนจะมียี่ห้อไหนบ้างมาดูกันเลยค่ะ

แชมพู เร่งผมยาว คืออะไร?

แชมพูเร่งผมยาว คือผลิตภัณฑ์บำรุงเส้นผมที่ออกแบบมาเพื่อสุขภาพและความแข็งแรงของเส้นผม และช่วยให้เส้นผมของคุณเจริญเติบโตเร็วขึ้น หรือช่วยในการเพิ่มจำนวนเส้นผมในหนามากขึ้น ซึ่งในปัจจุบันมีหลายแบรนด์ที่สร้างแชมพูสระผมสูตรเร่งผมยาวนี้ บางแบรนด์ก็อ้างว่าผลิตภัณฑ์ของตนเองช่วยเร่งผมยาวใน 1 เดือน หรือช่วยให้ผมหนาขึ้น และบางแบรนด์ก็อ้างว่าสามารถหยุดได้แม้กระทั่งการหลุดร่วงของเส้นผม ทำให้แชมพูสระผมสูตรนี้ได้รับความนิยมอย่างมาก โดยเฉพาะสาวๆที่ต้องการไว้ผมยาวแบบเร่งด่วน หรือคนที่มีปัญหาผมร่วง

ส่วนผสมในแชมพูที่ช่วยเร่งผมยาวให้เร็วขึ้น

การเกิดใหม่ของเส้นผมของคนเราได้มีการคาดว่าจะเห็นการเปลี่ยนแปลงในเชิงบวกที่ชัดเจนหลังจากผ่านไปประมาณ 4 เดือน ทำให้หลายๆคนไม่อยากรอนานขนาดนั้น ดังนั้นแชมพูสระผมสูตรเร่งผมยาวจึงถือเป็นตัวช่วยที่ดี เพราะส่วนผสมในแชมพูเร่งผมยาวเป็นส่วนสำคัญที่สามารถช่วยสร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมบนหนังศีรษะเพื่อช่วยเพิ่มการเจริญเติบโตของเส้นผมที่ดี อีกทั้งยังช่วยในการปรับปรุงความแข็งแรงและคุณภาพโดยรวมของเส้นผม นอกจากนี้หลายคนยังเชื่อว่าแชมพูปลูกผมก็สามารถช่วยเร่งการเจริญเติบโตของเส้นผมได้เช่นกัน

1. แชมพูปลูกผมช่วยเร่งผมยาวจริงหรือ?

แชมพูปลูกผม เป็นแชมพูที่ช่วยเพิ่มจำนวนเส้นผมบนศีรษะ และช่วยให้หนังศีรษะและเส้นผมของคุณมีสุขภาพดี อีกทั้งยังมีการวิจัยว่าภายในแชมพูปลูกผมส่วนใหญ่ไม่มีส่วนผสมที่ทำให้ผมร่วงได้ นอกจากนี้ยังช่วยทำให้เส้นผมของคุณยาวขึ้น แถมยังช่วยให้เส้นผมของคุณมีสุขภาพดี โดยการนำเสนอส่วนผสมที่มีประโยชน์ต่อเส้นผมและหนังศีรษะของคุณ ซึ่งส่วนผสมบางอย่างที่พบในแชมพูปลูกผมยังพบได้ในอาหารเสริมที่ส่งเสริมสุขภาพของเส้นผมอีกด้วยค่ะ

2. ส่วนผสมที่ช่วยเร่งเจริญเติบโตของเส้นผม

มาดูส่วนผสมบางอย่างที่พบในแชมพูที่ช่วยเร่งผมยาวเร็วขึ้น นอกจากนี้ส่วนผสมบางตัวยังสามารถพบได้ที่แชมพูปลูกผมอีกด้วยค่ะ ซึ่งมีส่วนผสมทั้งหมดดังนี้

  • ไบโอติน (Biotin): เป็นวิตามินบีที่มีบทบาทสำคัญต่อสุขภาพของผิวหนังเล็บและเส้นผม โดยมีหน้าที่สำคัญในการสร้างเคราตินซึ่งเป็นโปรตีนที่เป็นส่วนประกอบหลักของเส้นผม สามารถพบทั่วไปในผลิตภัณฑ์เสริมอาหารและแชมพูปลูกผม
  • ไนอาซิน (niacin): เป็นอีกหนึ่งส่วนผสมพบได้ทั่วไปในผลิตภัณฑ์ปลูกผม เป็นวิตามินบี 3 ที่มีส่วนช่วยส่งพลังงานจากสารอาหารไปยังเซลล์ทั้งหมดของร่างกาย โดยการแปลงคาร์โบไฮเดรตเป็นพลังงานและป้องกันไม่ให้พลังงานนั้นเปลี่ยนเป็นไขมัน อีกทั้งยังช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือด เพิ่มการผลิตเคราตินและซ่อมแซมดีเอ็นเอ ที่สำคัญช่วยกระตุ้นให้เกิดการเจริญเติบโตของเส้นผม
  • คาเฟอีน (caffeine): เป็นสารชนิดหนึ่งที่ช่วยในเรื่องการแก้ปัญหาผมร่วง โดยการไปกระตุ้นรากผมที่อ่อนแอและปกป้องพวกมันจากฮอร์โมนเพศชายที่อาจส่งผลกระทบอันตรายต่อการเจริญเติบโตของเส้นผม
  • สังกะสี (Zinc): เป็นแร่ธาตุที่ช่วยกำจัดรังแคและช่วยให้หนังศีรษะแข็งแรง ซึ่งมีส่วนช่วยส่งเสริมการเจริญเติบโตของเส้นผมให้แข็งแรง ส่วนใหญ่มักใช้เป็นส่วนผสมในแชมพูขจัดรังแค
  • คีโตโคนาโซล (Ketoconazole): เป็นยาต้านเชื้อราในร่างกายและที่ผิวหนัง ได้รับการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์แล้วว่ามีประสิทธิภาพในการต่อสู้กับผมร่วง แต่ก็มีผลข้างเคียงกับคนที่แพ้ยาตัวนี้ นั่นคืออาจทำให้เกิดผื่นที่หนังศีรษะ และเนื้อผมผิดปกติหรือหนังศีรษะแห้งหรือมัน

วิธีธรรมชาติเร่งผมยาวอย่างไรให้เห็นผลไวขึ้น

หลายคนคงทราบกันดีว่านอกจากวิธีใช้ผลิตภัณฑ์เร่งผมยาวแล้ว ยังมีอีกหลายวิธีเร่งผมยาวที่สามารถช่วยทำให้เส้นผมของคุณเติบโตเร็วขึ้นได้อย่างเช่นวิธีธรรมชาติที่ช่วยเร่งให้เส้นผมยาว อีกทั้งยังเป็นวิธีที่ปราศจากสารเคมี และสามารถช่วยเร่งผมยาวได้ทั้งผู้ชายและผู้หญิง แถมยังเหมาะกับคนที่มีอาการแพ้ง่าย ส่วนจะมีวิธีอะไรบ้างมาดูกันเลยค่ะ

1. การรับประทานอาหารที่มีโปรตีนและไบโอติน

การเริ่มงอกของเส้นผมจากรูขุมขนจะประกอบไปด้วยเซลล์ของโปรตีน โดยไบโอตินหรือที่เรียกว่าวิตามินเอชที่เป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มวิตามินบีช่วยเปลี่ยนอาหารให้เป็นพลังงาน นอกจากนี้ยังช่วยในการเผาผลาญไขมัน, คาร์โบไฮเดรตและกรดอะมิโน ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญของโปรตีน ดังนั้นเพื่อการเจริญเติบโตของเส้นผมที่เร็วขึ้น คุณควรรับประทานอาหารที่อุดมไปด้วยไบโอตินและโปรตีนเพื่อช่วยในการสร้างโปรตีนให้แก่เส้นผม โดยปริมาณไบโอตินที่เราแนะนำให้รับประทานต่อวันคือ 30 ไมโครกรัม ซึ่งคุณสามารถรับประทานในรูปแบบอาหารเสริม หรือสามารถกินอาหารที่มีไบโอตินสูงตามธรรมชาติได้ นอกจากนี้ไบโอตินยังมีประโยชน์ในการส่งเสริมร่างกายอื่น ๆ อีกมากมาย เช่น ช่วยบำรุงเล็บและขนตาให้แข็งแรงขึ้น

นี่คือแหล่งไบโอติน และอาหารที่อุดมด้วยโปรตีนชั้นเยี่ยม ซึ่งสามารถเร่งการเจริญเติบโตของเส้นผม

  • อัลมอนด์, ถั่วลิสง, ถั่วพีแคนและถั่ววอลนัท
  • ไข่ (ไข่แดงมีไบโอตินที่มีความเข้มข้นสูงที่สุด)
  • นมและชีส
  • หมูและตับ
  • ปลาแซลมอนและปลาซาร์ดีน
  • อาโวคาโด

2. วิธีทำให้ผมงอกด้วยวิธีการผกผัน

วิธีการผกผันเป็นวิธีปลูกผมที่ได้รับความนิยมมาก โดยเชื่อว่าวิธีนี้สามารถช่วยเพิ่มการเจริญเติบโตของเส้นผมได้ 1 นิ้วต่อสัปดาห์ แต่วิธีนี้อาจไม่ได้ผลสำหรับทุกคนเพราะยังไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่พิสูจน์หรือแย้งความสามารถของวิธีผกผันนี้ได้ แต่ไม่ว่าจะอย่างไร มันก็คุ้มค่าที่จะลองใช่ไหมคะ?

วิธีการผกผัน

  1. ตัดผมแตกปลายออกให้หมด เพราะอาจส่งผลต่อผลลัพธ์
  2. วัดเส้นผมของคุณเพื่อเปรียบเทียบกับผลลัพธ์สุดท้าย
  3. เพิ่มความชุ่มชื้นแก่เส้นผมด้วยการทาน้ำมันลงบนศีรษะ โดยใช้น้ำมันธรรมชาติ เช่น น้ำมันมะพร้าว น้ำมันมะกอกหรือน้ำมันอาร์แกน หากคุณมีปัญหาผมร่วงก็ให้คุณทาน้ำมันในบริเวณที่ผมร่วงก่อน
  4. ใช้หวีน้ำมันให้ทั่วเส้นผม แล้วใช้ปลายนิ้วค่อยๆนวดหนังศีรษะ โดยเลื่อนนิ้วของคุณเป็นวงกลมเล็กๆ ตามเข็มนาฬิกาและจากนั้นจึงทวนเข็มนาฬิกา นวดเป็นเวลา 4 นาทีแล้วหยุด จากนั้นใส่หมวกคลุมอาบน้ำทิ้งไว้ข้ามคืน หรือสามารถทิ้งไว้ประมาณ 2-3 ชั่วโมง
  5. สระผมเพื่อล้างน้ำมันที่เหลือออกให้หมด ด้วยแชมพูสระผมโดยคนที่มีหนังศีรษะที่มันควรใช้แชมพูที่มีค่า pH สูงกว่า 7 และสำหรับคนที่มีหนังศีรษะที่แห้งควรใช้แชมพูที่มีค่า pH ต่ำ
  6. ควรทำซ้ำทุกวันเป็น แต่สำหรับใครที่มีอาการแพ้ให้ทิ้งห่างไว้หนึ่งเดือนก่อนทำซ้ำ

3. ล้างผมด้วยน้ำเย็น

คงไม่ค่อยมีใครรู้ว่าร้อนจะทำให้ผมชุ่มชื้นและทำให้เส้นผมอ่อนแอลงทำให้ง่ายต่อการแตกหัก และเพื่อป้องกันความเสียหายของเส้นผมคุณควรสระผมด้วยน้ำอุ่นเพราะจะทำให้รูขุมขนเปิดสามารถทำความสะอาดหนังศีรษะได้อย่างหมดจด แต่อย่าลืมสิ่งสำคัญอย่างหนึ่ง คือ การล้างผมปิดท้ายด้วยน้ำเย็นเพื่อลดผมร่วงและผมชี้ฟู เพียงแค่นี้ก็สามารถช่วยให้เส้นผมของคุณยาวเร็วขึ้นและร่วงน้อยลง

4. วิธีส่งเสริมการเจริญเติบโตของเส้นผมด้วยเจลาติน

เจลาตินเป็นมากกว่าส่วนประกอบในเยลลี่ที่มีโปรตีนและสารอาหารอื่น ๆ สูงมาก โดยเจลาตินสามารถช่วยบำรุงร่างกายของคุณได้ และยังมีประโยชน์อย่างยิ่งต่อเส้นผม ผิวหนังและเล็บของคุณ เนื่องจากเจลาตินมีส่วนช่วยเพิ่มการผลิตคอลลาเจนในผิวหนัง คุณสามารถซื้อเจลาตินมาเติมลงในเครื่องดื่มร้อนได้

5. วิธีทำให้ผมงอกด้วยวิตามินและแร่ธาตุ

การรับประทานอาหารมีความสำคัญต่อร่างกายเรามากทั้งภายนอกและภายใน นอกจากอาหารที่มีโปรตีนและไบโอตินแล้ว ยังมีสิ่งที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งคือการรับวิตามินและแร่ธาตุให้มากที่สุด ซึ่งเราก็มีแหล่งวิตามินและแร่ธาตุมาแนะนำ

  • ผักโขม: ผักที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการเจริญเติบโตของเส้นผม เนื่องจากอุดมไปด้วยโปรตีนและวิตามิน A และ C สูง ซึ่งจำเป็นต่อร่างกายของคุณ ช่วยในการผลิตซีบัม (Sebum) ที่ทำให้หนังศีรษะของคุณชุ่มชื้นและการขาดวิตามินเหล่านี้อาจส่งผลให้ผมเปราะหรือผมร่วงได้ ดังนั้นอย่าลืมรับประทานผักโขมในปริมาณมาก ๆ นะคะ
  • บร็อคโคลี: ผักที่ดีที่สุดอีกชนิดหนึ่งที่สามารถบำรุงสุขภาพผมได้ดีเช่นเดียวกับวิตามินเอและซี อีกทั้งวิตามินบียังจำเป็นสำหรับเส้นผมที่แข็งแรง มีสารต้านอนุมูลอิสระ โดยวิตามินซีในบร็อคโคลียังช่วยป้องกันผมร่วงโดยการกำจัดอนุมูลอิสระทำให้ผมมีสุขภาพดีและหนาขึ้น
  • โดยทั้งสองอย่างที่เรานำมาแนะนำนี้มีราคาที่สมเหตุสมผล ดังนั้นอย่าลืมรับประทานอย่างน้อยวันละหนึ่งหนึ่งส่วนนะคะ นอกจากจะช่วยให้ลำไส้มีสุขภาพดีขึ้นแล้ว ยังช่วยบำรุงเส้นผมและเล็บของคุณให้ดูดีขึ้นกว่าเดิมค่ะ

    10 แชมพูสระผม ช่วยเร่งผมยาว พร้อมบำรุงเส้นผมให้สุขภาพดีตั้งแต่โคนจรดปลายผม

    สำหรับใครกำลังมองหาแชมพูสระผมสูตรเร่งผมยาวที่มาพร้อมกับการบำรุงเส้นผมจากโคนจรดปลายผม เพื่อสุขภาพผมที่ดี วันนี้เราก็มี 10 ผลิตภัณฑ์แชมพูสระผมที่ได้รับการรีวิวว่าสามารถช่วยทำให้เส้นผมของคุณยาวเร็วขึ้น แถมยังบำรุงเส้นผมให้มีสุขภาพที่ดีอีกด้วย ส่วนจะมียี่ห้อไหนบ้างมาดูกันเลยค่ะ

    1. Sunsilk Strong & Long Shampoo
    2. Dove Nourishing Secrets Thickening Ritual Shampoo
    3. TRESemmé Total Salon Repair Shampoo
    4. Dove Intense Repair Shampoo
    5. OGX Thick & Full Biotin & Collagen Shampoo
    6. AVEDA Rosemary Mint Purifying Shampoo
    7. Yves Rocher BHC Anti Hair Loss Shampoo
    8. Khaokho Talaypu สูตรมะกรูดและใบบัวบก
    9. Herbal Essences Shampoo Argan Oil of Morocco
    10. PANTENE Pro-V Hair Fall Control Shampoo

    Sunsilk Strong & Long Shampoo

    รายละเอียดสินค้า

    ชื่อยี่ห้อ

    Sunsilk Strong & Long Shampoo

    ปริมาณ

    450 ml.

    ราคาโดยประมาณ

    112 บาท

    ส่วนผสมบำรุงเส้นผม

    ไบโอติน (biotin) หรือ วิตามินเอช (vitamin H)

    เหมาะสำหรับสภาพผม

    ทุกสภาพผม

     

    Sunsilk Strong & Long Shampoo เป็นแชมพูสระผมเร่งผมยาวสูตรเฉพาะจากซันซิลที่มีส่วนผสมของไบโอติน (biotin) ที่ช่วยกระตุ้นการเจริญเติบโตของเส้นผม และเป็นสารอาหารที่ช่วยในเรื่องการผลิตของเส้นผมให้มีสุขภาพที่ดี ผมดูหนานุ่มขึ้น ผมยาวสวยตั้งแต่โคนจรดปลายผม ที่สำคัญยี่ห้อนี้เคลมไว้ว่าสามารถช่วยให้ผมยาวไวเฉลี่ย 1.5 ซม. ต่อเดือน แต่ผลลัพธ์นี้ก็ขึ้นอยู่กับสภาพหนังศีรษะของแต่ละคน และหากอยากได้ผลลัพธ์ที่ดีมากขึ้นลองใช้ควบคู่ไปกับครีมนวดผมก็ดีนะคะ

    สามารถสั่งซื้อสินค้าได้ที่ >> Tops online, Lazada, shopee

    Dove Nourishing Secrets Thickening Ritual Shampoo

    รายละเอียดสินค้า

    ชื่อยี่ห้อ

    Dove Nourishing Secrets Thickening Ritual Shampoo

    ปริมาณ

    430 ml.

    ราคาโดยประมาณ

    371 บาท

    ส่วนผสมบำรุงเส้นผม

    ส่วนผสมล้ำค่าจากลาเวนเดอร์ และโรสแมรี่

    เหมาะสำหรับสภาพผม

    ผมแห้ง ผมบาง เส้นผมลีบแบน

     

    หากคุณต้องการให้ผมที่ดูผมหนาฟู และยาวเร็วขึ้นเราขอแนะนำ Dove Nourishing Secrets Thickening Ritual Shampoo แชมพูที่สืบทอดจากผู้หญิงทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็น ญี่ปุ่น ฝรั่งเศส และอเมริกามีส่วนผสมล้ำค่าจากลาเวนเดอร์ และโรสแมรี่ ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่าช่วยส่งเสริมและเร่งผมยาวเร็วขึ้น แถมผมดูหนานุ่ม เบาสบาย มีวอลลุ่มจากโคนจรดปลายอีกด้วยค่ะ

    สามารถสั่งซื้อสินค้าได้ที่ >> Lazada

    TRESemmé Total Salon Repair Shampoo

    รายละเอียดสินค้า

    ชื่อยี่ห้อ

    TRESemmé Total Salon Repair Shampoo

    ปริมาณ

    450 ml.

    ราคาโดยประมาณ

    125 – 159 บาท

    ส่วนผสมบำรุงเส้นผม

    ส่วนผสมจากธรรมชาติขิงและชาเขียว

    เหมาะสำหรับสภาพผม

    ผมแห้งเสีย

     

    สำหรับใครที่มีสภาพผมแห้งเสีย แต่อยากเร่งผมยาว พร้อมทั้งบำรุงเส้นผมให้กลับมาแข็งแรง เราขอแนะนำ TRESemmé Total Salon Repair Shampoo ผลิตภัณฑ์แชมพูสระผมที่ช่วยซ่อมแซมความเสียหายของเส้นผม พร้อมทั้งเสริมเกราะป้องกันของเส้นผมที่อาจได้รับความเสียหายในอนาคต ผลิตภัณฑ์นี้สามารถช่วยฟื้นบำรุงผมเสียมานานถึง 2 ปีได้ และด้วยส่วนผสมจากธรรมชาติอย่างขิงและชาเขียว ซึ่งทำให้ช่วยทำความสะอาดอย่างล้ำลึก พร้อมให้สารบำรุงแก่เส้นผม สามารถใช้ได้เป็นประจำทุกวัน เพื่อผมสวย ดูสุขภาพดีเหมือนได้รับการดูแลจากซาลอนชั้นนำเลยค่ะ แถมยังช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับเส้นผมเพื่อช่วยป้องกันผมร่วง สามารถใช้ได้เป็นประจำทุกวันเพื่อผมที่แข็งแรงและมีสุขภาพดีตามมาตรฐานค่ะ

    สามารถสั่งซื้อสินค้าได้ที่ >> Tops online, Lazada, Shopee

    Dove Intense Repair Shampoo

    รายละเอียดสินค้า

    ชื่อยี่ห้อ

    Dove Intense Repair Shampoo

    ปริมาณ

    175-680 ml.

    ราคาโดยประมาณ

    135- 365 บาท

    ส่วนผสมบำรุงเส้นผม

    ซันฟลาวเวอร์ออยล์ และเคราตินรีแพร์แอ็คทีฟส์

    เหมาะสำหรับสภาพผม

    ผมแห้งเสีย เปราะบางขาดง่าย

     

    ใครที่อยากเร่งผมยาว แต่มีสภาพผมที่แห้งเสีย เปราะบางขาดง่าย เราขอแนะนำ Dove Intense Repair Shampoo ผลิตภัณฑ์แชมพูสระผมที่ช่วยบำรุงเส้นผมตั้งแต่รากจรดปลายผมไม่ให้เปราะขาดง่าย ซึ่งผลิตภัณฑ์ตัวนี้มีส่วนผสมของ Keratin-Actives ที่ช่วยฟื้นบำรุงผมเสียอย่างล้ำลึกจากภายใน และตรงเข้าฟื้นบำรุงเส้นผมเสียทันทีที่ใช้ สามารถใช้ได้ทุกวัน เพื่อผมสวยสุขภาพดีและแข็งแรง อีกทั้งยังช่วยปกป้องผมเสียในอนาคตได้ค่ะ

    สามารถสั่งซื้อสินค้าได้ที่ >> Lazada, Shopee

    OGX Thick & Full Biotin & Collagen Shampoo

    รายละเอียดสินค้า

    ชื่อยี่ห้อ

    OGX Thick & Full Biotin & Collagen Shampoo

    ปริมาณ

    385 ml.

    ราคาโดยประมาณ

    349 บาท

    ส่วนผสมบำรุงเส้นผม

    สารสกัดจากวิตามินบี 7(ไบโอติน), คอลลาเจน และโปรตีนข้าวสาลี

    เหมาะสำหรับสภาพผม

    หนังศีรษะมัน ผมร่วงง่าย

     

    สำหรับใครอยากเร่งผมยาว แต่มีสภาพหนังศีรษะมัน และผมร่วงง่าย เราขอแนะนำ OGX Thick & Full Biotin & Collagen Shampoo ผลิตภัณฑ์แชมพูสระผมที่ช่วยเติมสารบำรุงล้ำลึกสู่เส้นผม โดยผสานสารสกัดจากวิตามินบี 7(ไบโอติน), คอลลาเจน และโปรตีนข้าวสาลี เป็นสูตรที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เพราะผลิตภัณฑ์นี้ปราศจากซัลเฟตและไม่มีการทดสอบกับสัตว์ ด้วยความที่ปราศจากซัลเฟตจึงช่วยล็อคความชุ่มฉ่ำในขณะเดียวกันก็ส่งเสริมการเติบโตของเส้นผมให้เร็วขึ้น คอลลาเจนและไบโอติน ช่วยในการซ่อมแซมโครงสร้างเส้นใยที่สำคัญในการฟื้นฟูเส้นผมที่เสียหาย อีกทั้งยังมีกลิ่นหอมอีกด้วยค่ะ

    สามารถสั่งซื้อสินค้าได้ที่ >> Tops online, Lazada, Shopee

    AVEDA Rosemary Mint Purifying Shampoo

    รายละเอียดสินค้า

    ชื่อยี่ห้อ

    AVEDA Rosemary Mint Purifying Shampoo

    ปริมาณ

    1000 ml.

    ราคาโดยประมาณ

    2,650 บาท

    ส่วนผสมบำรุงเส้นผม

    Rosemary, Peppermint, Spearmint, White Vinegar

    เหมาะสำหรับสภาพผม

    ทุกสภาพผม และหนังศีรษะแพ้ง่าย

     

    ใครที่กำลังมองหาแชมพูเร่งผมยาว สูตรกรีนๆ เหมาะกับหนังศีรษะแพ้ง่าย เราขอแนะนำ AVEDA Rosemary Mint Purifying Shampoo ผลิตภัณฑ์แชมพูสระผมที่นอกจากจะช่วยเรื่องการเร่งการเจริญเติบโตของเส้นแล้ว ผลิตภัณฑ์นี้ยังมีส่วนผสมของโรสแมรี่ และมิ้นท์ ซึ่งสามารถช่วยสร้างรากผมให้แข็งแรง พร้อมทั้งกระตุ้นการเกิดใหม่ของเส้นผม และด้วยความที่มันเป็นผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยนเพราะมีส่วนจากธรรมชาติ จึงแน่ใจได้เลยว่าใครที่มีผิวแพ้ง่ายใช้แล้วไม่มีปัญหาแน่นอนค่ะ แถมยังทำให้สุขภาพเส้นผมแข็งแรงมากขึ้นค่ะ

    สามารถสั่งซื้อสินค้าได้ที่ >> Lazada

    Yves Rocher BHC Anti Hair Loss Shampoo

    รายละเอียดสินค้า

    ชื่อยี่ห้อ

    Yves Rocher BHC Anti Hair Loss Shampoo

    ปริมาณ

    300 ml.

    ราคาโดยประมาณ

    160- 349 บาท

    ส่วนผสมบำรุงเส้นผม

    Agave Fructans, White Lupin Extract

    เหมาะสำหรับสภาพผม

    เส้นผมบาง ผมเสียเปราะบางขาดง่าย

     

    ใครที่กำลังประสบปัญหาผมบางขาดง่าย แล้วอยากเร่งผมยาวให้มีสุขภาพที่ดี เราขอแนะนำ Yves Rocher BHC Anti Hair Loss Shampoo ผลิตภัณฑ์แชมพูสระผมสูตรที่ใช้ส่วนผสมจากพืชพฤกษาธรรมชาติมากกว่า 98% ช่วยชะลอการหลุดร่วงของเส้นผม โดยสารสกัดจาก Agave Fructans ช่วยเสริมประสิทธิภาพกระตุ้นการไหลเวียนให้ผมที่ขึ้นใหม่แข็งแรงขึ้น ผมลื่นนุ่มสลวย ปราศจากการ Paraben เป็นมิตรกับหนังศีรษะและเส้นผม และปราศจากการแต่งสีเพิ่มที่ช่วยลดปัญหาผมเปราะขาดง่าย ผลลัพธ์คือผมแข็งแรงขึ้น และช่วยลดปัญหาผมขาดง่าย และเพื่อเสริมประสิทธิภาพผลลัพธ์ชะลอการหลุดร่วงของเส้นผมให้มากขึ้นควรใช้ควบคู่กับ Intensive Treatment For 1 month

    สามารถสั่งซื้อสินค้าได้ที่ >> konvy, Lazada, Shopee

    Khaokho Talaypu สูตรมะกรูดและใบบัวบก

    รายละเอียดสินค้า

    ชื่อยี่ห้อ

    Khaokho Talaypu สูตรมะกรูดและใบบัวบก

    ปริมาณ

    185 ml.

    ราคาโดยประมาณ

    149 บาท

    ส่วนผสมบำรุงเส้นผม

    มะกรูด และใบบัวบก

    เหมาะสำหรับสภาพผม

    ทุกสภาพผม ผมหลุดร่วงบ่อย

     

    ใครที่ต้องการแก้ปัญหาผมหลุดร่วง และอยากเร่งผมยาวแบบติดจรวด เราขอแนะนำ Khaokho Talaypu สูตรมะกรูดและใบบัวบก แชมพูสระผมประเภทสมุนไพร ที่ช่วยลดปัญหาผมขาดหลุดร่วงโดยให้ส่วนผสมจากธรรมชาติ 100 % โดยสารสกัดหลักเป็น Citronellic Acid จากมะกรูด ซึ่งช่วยฟื้นฟูรากเส้นผมให้แข็งแรง และสารสกัด Tannins & Phytosterols จากใบบัวบก ที่ช่วยกระตุ้นการสร้างรากเส้นผม อีกทั้งยังมีส่วนช่วยเสริมสร้าง Collagen ให้กับหนังศีรษะอีกด้วยค่ะ และด้วยความที่มีส่วนผสมจากธรรมชาติทั้งหมดจึงสามารถใช้ได้กับทุกสภาพผม ไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้แน่นอนค่ะ

    สามารถสั่งซื้อสินค้าได้ที่ >> Tops online, Lazada, Shopee

    Herbal Essences Shampoo Argan Oil of Morocco

    รายละเอียดสินค้า

    ชื่อยี่ห้อ

    Herbal Essences Shampoo Argan Oil of Morocco

    ปริมาณ

    400 ml.

    ราคาโดยประมาณ

    188- 373 บาท

    ส่วนผสมบำรุงเส้นผม

    Argan Oil, สาหร่ายทะเล (Sea Kelp) และว่านหางจระเข้ (Aloe)

    เหมาะสำหรับสภาพผม

    ทุกสภาพผม หรือคนที่มีผมแห้งเสีย

     

    สำหรับใครที่กำลังมองหาแชมพูเร่งผมยาว พร้อมทั้งช่วยบำรุงผมเสียด้วย เราขอแนะนำ Herbal Essences Shampoo Argan Oil of Morocco แชมพูสระผมที่ช่วยขจัดสารอนุมูลอิสระและช่วยฟื้นฟูผมแห้งเสีย ไร้ชีวิตชีวา นอกจากนี้ยังช่วยเร่งผมยาว ด้วยสารสกัดที่สำคัญอย่าง Argan Oil ทำให้เส้นผมนุ่มสลวย เงางาม แข็งแรงตั้งแต่โคนจรดปลาย จัดทรงง่าย สามารถใช้เป็น Everyday Shampoo ที่สามารถสระผมได้ทุกวัน นอกจากนี้ยังเป็นสูตรที่ปราศจากสารแต่งสีที่พัฒนาขึ้นเพื่อเส้นผมชาวเอเชียโดยเฉพาะ เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีอนุภาพแห่งการบำรุงในหนึ่งเดียว ที่ให้ทั้งความหอมออกแนวธรรมชาติเหมือนกลิ่นดอกไม้ และบำรุงเส้นผมให้มีสุขภพพที่ดีค่ะ

    สามารถสั่งซื้อสินค้าได้ที่ >> watsons online, Lazada, Shopee

    PANTENE Pro-V Hair Fall Control Shampoo

    รายละเอียดสินค้า

    ชื่อยี่ห้อ

    PANTENE Pro-V Hair Fall Control Shampoo

    ปริมาณ

    120- 410 ml.

    ราคาโดยประมาณ

    40-119 บาท

    ส่วนผสมบำรุงเส้นผม

    Pro-V

    เหมาะสำหรับสภาพผม

    ทุกสภาพผม

     

    ใครที่กำลังมองหาแชมพูสระผมที่ช่วยเร่งผมยาว พร้อมทั้งช่วยป้องกันเส้นผมจากการถูกทำร้าย เราขอแนะนำ PANTENE Pro-V Hair Fall Control Shampoo ผลิตภัณฑ์แชมพูสระผมที่มีเทคโนโลยี เคราติน แดมเมจ บล็อกเกอร์ ที่ช่วยป้องกันผมถูกทำร้ายซึ่งเป็นสาเหตุของผมเปราะขาด ช่วยให้ผมดูมีสภาพแข็งแรงขึ้น ตั้งแต่โคนจรดปลาย ด้วยส่วนผสมที่สำคัญอย่าง Pro-V ที่ช่วยปรับปรุงการคงสภาพของเส้นผม โดยการแทรกซึมและช่วยเติมเต็มส่วนที่กลวงของเส้นผม ให้มีความแข็งแรงยาวนานเพื่อลดการหลุดร่วงของเส้นผม และช่วยแก้ปัญหาผมแห้งเสีย แตกปลาย ไม่มีน้ำหนัก แถมยังเพิ่มประสิทธิภาพในการคงความชุ่มชื้นเส้นผมให้สมดุลอีกด้วยค่ะ นอกจากนี้ยังมีกลิ่นหอมของผลไม้ และเพื่อประสิทธิภาพควรใช้ควบคู่กับครีมนวดผมแพนทีน ทรี-มินิท มิราเคิล จะยิ่งทำให้ผมแข็งแรงยิ่งขึ้นค่ะ

    สามารถสั่งซื้อสินค้าได้ที่ >> konvy, Lazada, Shopee

     

    เคล็ดลับดูแลเส้นผมเพื่อผมที่แข็งแรงและเร่งผมยาวไวขึ้นด้วยวัตถุดิบหาง่ายที่บ้าน

    นอกจากการรับประทานอาหาร การบำรุงผมด้วยวิธีธรรมชาติ และการใช้ผลิตภัณฑ์สำหรับเส้นผมแล้ว ยังมีวิธีแก้ไขปัญหาเส้นผมทำให้ผมแข็งแรงและเร่งผมยาวเร็วขึ้นด้วยวัตถุดิบบ้านๆหาซื้อได้ง่าย และอาจส่งผลกระทบอย่างมากต่อสุขภาพของเส้นผมและกระตุ้นให้ผมยาวและแข็งแรง ซึ่งวัตถุดิบที่เรานำมาแนะนำมีดังนี้

    1. วาสลีน

    เราเชื่อว่าหลายคนคงมีวาสลีนสักกระปุกติดตู้ไว้ในห้องน้ำ เพราะวาสลีนไม่เพียงแค่รักษาผิวแห้งและริมฝีปากแห้งเท่านั้น แต่ยังมีประโยชน์ต่อเส้นผมอีกด้วยนะคะ เราขอแนะนำให้ลองหมักผมด้วยวาสลีน โดยให้ทาวาสลีนลงบนปลายผมโดยตรงเพื่อให้มันชุ่มชื้นและป้องกันการแตก จากนั้นให้ทาลงบนหนังศีรษะแล้วนวดเสร็จแล้วให้หมักผมทิ้งไว้ข้ามคืนด้วยการสวมหมวกอาบน้ำไว้

    1. น้ำมันมะพร้าว

    การทำทรีตเมนต์ด้วยน้ำมันมะพร้าวข้ามคืนอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้งจะช่วยให้ผมยาวเร็วขึ้นกว่าเดิม โดยน้ำมันมะพร้าว เป็นวัตถุดิบที่ประกอบด้วยกรดไขมันสายโซ่ปานกลาง (Medium Chain Fatty Acids – MCFAs) ที่มีขนาดเล็กเป็นหลักทำให้น้ำมันมะพร้าวซึมเข้าสู่เส้นผมได้ล้ำลึกและรวดเร็วกว่าครีมนวดผมอื่น ๆ และเนื่องจากเป็นวัตถุดิบจากธรรมชาติ 100% จึงทำให้ไม่เกิดการระคายเคืองแน่นอนค่ะ ถือเป็นอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติที่ยอดเยี่ยมมากๆ มีประโยชน์ต่อเส้นผมมากมายไม่ว่าจะเป็นการกระตุ้นการเจริญเติบโตของเส้นผมโดยเจาะลึกถึงรูขุมขน, ให้ความชุ่มชื้นที่น่าอัศจรรย์สำหรับผมแห้ง, เพิ่มความเงางามให้กับเส้นผม, ลดการสูญเสียโปรตีนในเส้นผม และมีคุณสมบัติต่อต้านแบคทีเรียเพื่อบรรเทาอาการคันหรือหนังศีรษะที่เป็นขุย แต่หากคุณไม่มีน้ำมันมะพร้าว คุณสามารถใช้น้ำมันมะกอกเพื่อบำรุงผมที่แห้งเสียแทนได้ค่ะ

    1. ว่านหางจระเข้

    ว่านหางจระเข้มีคุณสมบัติในการระบายความร้อนและการปลอบประโลมผิวหนัง อีกทั้งยังสามารถช่วยเสริมสร้างและซ่อมแซมการเจริญเติบโตของเส้นผม ด้วยวิธีการทาว่านหางจระเข้ลงบนหนังศีรษะแล้วนวดให้ทั่วเส้นผม จากนั้นทิ้งไว้ประมาณ 1 ชั่วโมงก่อนแล้วสระผมด้วยแชมพูตามปกติ การดูแลเส้นผมด้วยวิธีนี้จะช่วยรักษาอาการคันบนหนังศีรษะ และช่วยปรับปรุงสุขภาพของเส้นผมและเพิ่มโอกาสในการเจริญเติบโตของเส้นผมค่ะ

    1. ไข่

    เราทุกคนรู้กันดีว่าไข่นั้นมีประโยชน์ต่อร่างกาย นอกจากนี้ยังมีประโยชน์ต่อเส้นผมและผิวหนังอีกด้วย ซึ่งไข่เต็มไปด้วยสารอาหารมากมายรวมถึงไบโอติน วิตามินA, D และกรดโฟลิก ที่เป็นสารอาหารที่คุณจะพบมากที่สุดในเส้นผมที่มีสุขภาพดีและเป็นมันเงา การหมักผมด้วยไข่สามารถกระตุ้นการเจริญเติบโตของเส้นผมและป้องกันผมขาดหลุดร่วงได้ดี โดยการนำไข่แดง 2 ฟองไปผสมกับน้ำมันมะกอก 2 ช้อนโต๊ะ แล้วทาส่วนผสมทั้งหมดลงบนผมที่เปียกหมาด ๆ โดยทาที่ปลายผมมากกว่าโคนผม จากนั้นทิ้งไว้ 20 นาทีในหมวกอาบน้ำ แล้วสระผมล้างด้วยน้ำเย็นค่ะ

    1. น้ำมันละหุ่ง

    น้ำมันละหุ่งเป็นอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์เพื่อความงาม ราคาประหยัดที่มีประโยชน์ต่อเส้นผม น้ำมันละหุ่งมีคุณสมบัติในการต้านเชื้อราและแบคทีเรีย ซึ่งมีประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับหนังศีรษะ มีวิตามินแร่ธาตุ, โปรตีน และกรดไขมันที่ช่วยทำให้เส้นผมยาวเร็วขึ้น โดยการทาน้ำมันละหุ่งลงบนเส้นผมที่เปียกหมาด ๆ (ไม่เปียกก็ได้) จากนั้นทิ้งไว้หลายชั่วโมงหรือทิ้งไว้ข้ามคืนก็ได้ค่ะ

    1. น้ำมันโจโจ้บา

    น้ำมันโจโจ้บาเป็นอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่ามีประสิทธิภาพในการให้ความชุ่มชื้นแก่เส้นผม และเป็นส่วนผสมในผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมจำนวนมาก น้ำมันโจโจ้บามีความสามารถในการป้องกันผมขาดหลุดร่วงและเสริมสร้างปอยผม โดยคุณสามารถใช้น้ำมันโจโจ้บาบำรุงเส้นผมได้ ด้วยการอุ่นน้ำมันโจโจ้บาประมาณ 1-2 ช้อนโต๊ะ ในไมโครเวฟ และเริ่มทาบนหนังศีรษะแล้วทิ้งไว้ประมาณ 20 นาทีก่อนล้างออก หรือคุณสามารถเติมน้ำมันโจโจ้บาลงในผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมที่มีอยู่เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบำรุงเส้นผมให้ดีขึ้นได้ค่ะ

    1. น้ำผึ้ง

    น้ำผึ้งเป็นวัตถุดิบที่ถูกใช้ในผลิตภัณฑ์เสริมความงามมากมาย โดยน้ำผึ้งมีคุณสมบัติช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นในเส้นผมและป้องกันไม่ให้ผมแห้ง นอกจากนี้ยังมีคุณสมบัติต้านเชื้อแบคทีเรียและน้ำยาฆ่าเชื้อ ช่วยทำความสะอาดรูขุมขน กระตุ้นการเจริญเติบโตใหม่ของเส้นผม และมีสารต้านอนุมูลอิสระซึ่งป้องกันปัญหาผมขาดหลุดร่วง โดยคุณสามารถใช้น้ำผึ้งบำรุงเส้นผมได้ ด้วยการนำน้ำผึ้ง ½ ถ้วย มาผสมกับน้ำมันมะกอก ¼ ถ้วย และนำไปอุ่นในไมโครเวฟ จากนั้นนำส่วนผสมทั้งหมดที่เริ่มเย็นมาชโลมผม โดยเริ่มที่โคนผมและกระจายให้ทั่วอย่างสม่ำเสมอ แล้วทิ้งไว้ 30 นาที ภายในหมวกคลุมอาบน้ำ จากนั้นล้างออกด้วยน้ำเย็นและแชมพูค่ะ

     

    บทส่งท้าย

    สำหรับ 10 แชมพูสระผมที่ช่วยเร่งผมยาว พร้อมบำรุงเส้นผมให้สุขภาพดีตั้งแต่โคนจรดปลายผมที่เรานำมาแนะนำในวันนี้มีหลากหลายยี่ห้อให้คุณได้เลือกใช้ แต่อยากลืมว่าแชมพูสูตรเร่งผมยาวทุกยี่ห้อมีสารเคมีที่เป็นส่วนประกอบ ซึ่งอาจทำให้บางคนเกิดอาการแพ้ได้ ดังนั้นคุณควรสังเกตให้แน่ใจก่อนว่าคุณมีอาการแพ้หรือไม่ หากมีอาการแพ้ควรหยุดใช้แชมพูขวดนั้น แล้วรีบไปพบแพทย์เฉพาะทางทันที และหากคุณต้องการวิธีเร่งผมยาวที่ปลอดภัยไม่ก่อให้เกิดการระคายเคืองให้ลองใช้วิธีธรรมชาติที่เรานำมาฝากก็สามารถช่วยดูแลและบำรุงเส้นผมของคุณให้ผมยาวเร็วขึ้นได้ค่ะ นอกจากนี้สารอาหารที่เรารับประทานเข้าไปในร่างกายยังเป็นกุญแจสำคัญในการรักษาหรือเร่งการเจริญเติบโตของเส้นผม โดยเฉพาะสารอาหารจำพวกโปรตีน, ไบโอติน และวิตามิน A, B, C และ D โดยสารอาหารเหล่านี้มีประโยชน์ต่อร่างกาย และเส้นผม แถมยังช่วยบำรุงเล็บอีกด้วยค่ะ

    นักเขียน: Suwanna Preebunpul

     

    สวัสดีค่ะ ผู้อ่านที่น่ารักทุกท่าน นักเขียนออยนะคะ ไลฟ์สไตล์ส่วนตัว ชอบท่องเที่ยว ถ่ายรูป เขียนบทความแนวแนะนำสินค้า, เทคโนโลยี,สาระความรู้, แฟชั่น และGraphic Design ด้วยความที่ส่วนตัวชอบทำอะไรใหม่ๆอยู่เสมอ ในอนาคตข้างหน้าอาจจะมีงานเขียนแนวใหม่ๆออกมา ยังไงก็ฝากติดตามผลงานด้วยนะคะ

     

     

     

    pg slot ฝากถอนไม่มีขั้นต่ำ

     

     



    Categories
    health

    ใช้ดีจึงบอกต่อ 10 ยาสีฟันลดอาการเสียวฟัน เพื่อลมหายใจหอมสดชื่น

    หากคุณเคยกัดไอศกรีมหรือทานซุปร้อนๆแล้วรู้สึกเจ็บปวดที่เหงือกหรือฟัน นั้นอาจเป็นสัญญาณของปัญหาโพรงปากที่พบบ่อยในผู้ที่มีอาการเสียวฟัน ซึ่งอาการนี้คือความเจ็บปวดหรือความรู้สึกไม่สบายฟันโดยมีผลมากจากการตอบสนองต่อสิ่งเร้าบางอย่าง เช่น อุณหภูมิที่ร้อนหรือเย็น อาการเสียวฟันอาจเป็นปัญหาชั่วคราวหรือเรื้อรังที่ส่งผลกระทบต่อฟันซี่เดียว, ฟันหลายซี่หรือฟันทั้งหมดในแต่ละซี่ก็ได้ ซึ่งอาการนี้มีหลากหลายสาเหตุและแตกต่างกันออกไปขึ้นอยู่กับสภาพฟันของแต่ละคน

    ผู้ที่มีอาการเสียวฟันจะมีการตอบสนองต่อสิ่งกระตุ้นบางอย่างที่อาจส่งผลให้คุณรู้สึกเจ็บปวดบริเวณรากฟัน ซึ่งสิ่งกระตุ้นที่พบบ่อยที่สุด ได้แก่ อาหารและเครื่องดื่มร้อน, อาหารและเครื่องดื่มเย็น, อากาศเย็น, อาหารหวาน, อาหารและเครื่องดื่มที่เป็นกรด, น้ำเย็นโดยเฉพาะการทำความสะอาดฟันด้วยน้ำเย็นเป็นประจำ, การแปรงฟัน, การใช้ไหมขัดฟัน, น้ำยาบ้วนปากที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ ในกรณีส่วนใหญ่ของอาการเสียวฟันจะได้รับการรักษาได้ที่ง่ายดาย ด้วยการเปลี่ยนแปลงระบบการดูแลสุขภาพช่องปาก หากคุณมีอาการเสียวฟันที่ไม่รุนแรงคุณสามารถลองการรักษาทางทันตกรรมได้ โดยที่ไม่ต้องรักษาโดยแพทย์ ซึ่งวิธีที่มีความนิยมที่สุดคือการเลือกยาสีฟันที่มีคุณสมบัติช่วยลดอาการเสียวฟันโดยเฉพาะ ยาสีฟันเหล่านี้ส่วนใหญ่จะไม่มีส่วนผสมที่ทำให้เกิดการระคายเคืองและอาจมีส่วนผสมที่ช่วยลดความรู้สึกไม่สบายฟันจากการตอบสนองต่อสิ่งกระตุ้นบนเส้นประสาทของฟัน สำหรับใครที่กำลังมีอาการเสียวฟันและกำลังมองหายาสีฟันดีๆใช้ เราก็ได้รวบรวบข้อมูลเกี่ยวกับอาการเสียวฟันและวิธีที่การดูแลรักษา มาพร้อมกับการแนะนำ 10 ยาสีฟันที่ใช้ดี ช่วยลดอาการเสียวฟัน แถมยังช่วยให้ปากสะอาด มีกลิ่นหอมสดชื่นมาฝากทุกคน จะมีสาระสำคัญอะไรบ้างตามมาดูกันเลยค่ะ

    อาการเสียวฟันคืออะไร?

    อาการเสียวฟัน คือ อาการปวดฟันที่เกิดจากการเสียผิวหน้าฟันหรือชั้นเคลือบฟัน เป็นปัญหาอย่างหนึ่งที่เกิดขึ้นได้กับทุกคน ซึ่งอาการเสียวฟันเกิดจากการตอบสนองต่อสิ่งกระตุ้นภายนอกของเส้นประสาทฟันที่ไวกว่าปกติ สิ่งกระตุ้นภายนอก อาทิเช่น อาหาร เครื่องดื่มร้อนหรือเย็น รวมไปถึงลม หรือแม้กระทั่งการแปรงฟัน ซึ่งปกติแล้วฟันของเราจะถูกป้องกันจากสิ่งเหล่านี้ด้วยเคลือบฟัน (enamel) และเหงือก เมื่อเคลือบฟันของเราแรกสึก แตกออก หรือเหงือกร้นมากขึ้น จะส่งผลทำให้เนื้อฟัน (dentine) ถูกเปิดออกให้สัมผัสกับสิ่งกระตุ้นภายนอกทำให้เกิดอาการเสียวฟันได้ง่ายค่ะ โดยจากการวิจัยพบว่า ผู้คนในร้อยละ 8-57 ประสบปัญหาการเสียวฟันอย่างน้อยครั้งหนึ่งหรือมากกว่า ซึ่งอาการเสียวฟันเป็นอาการที่หลายคนไม่พึงปรารถนา เพราะทำให้เกิดความรําคาญจนยิ้มไม่ออก หรือทำให้การรับประทานอาหารยากลำบากค่ะ

    สาเหตุของอาการเสียวฟันคืออะไร?

    สำหรับสาเหตุที่ก่อให้เกิดอาการเสียวฟัน หากเกิดในวัยเด็กสาเหตุมาจากฟันผุ ส่วนในกลุ่มผู้ใหญ่และผู้สูงอายุนั้น อาการเสียวฟันอาจเกิดได้จากหลายสาเหตุอาการเสียวฟันเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ โดยสาเหตุหลักเกิดจากการที่ชั้นเนื้อฟัน (ที่เคยมีเคลือบฟันอยู่) เปิดออกและได้รับการกระตุ้นจากสิ่งกระตุ้นต่างๆ จากภายนอก เช่น น้ำเย็น อาหารหวาน อาหารเปรี้ยว การแปรงฟัน หรือแม้แต่ลม สิ่งเหล่านี้จะกระตุ้นไปที่โพรงเส้นประสาทฟันจนทำให้เกิดอาการเสียวฟัน ซึ่งอาการนี้เกิดจากการเผยของเนื้อฟันที่เกิดจากหลายสาเหตุ ได้แก่

    • ภาวะเหงือกอักเสบ หรือการแปรงฟันแรงเกินไป ซึ่งอาจมีผลทำให้เหงือกร่นได้ จนเนื้อฟันบริเวณรากฟันโผล่
    • ฟันสึก เนื่องจากรับประทานอาหารรสเปรี้ยวหรือเครื่องดื่มที่เป็นกรด (เช่น โซดา) ซึ่งอาจก่อให้เกิดการกัดกร่อนเคลือบฟันและการเปิดเผยของเนื้อฟัน
    • การแปรงฟันที่ผิดวิธีหรือแรงเกินไปด้วยการขัดถูมากๆ หรือการใช้แปรงสีฟันแข็งเกินไป อาจทำให้เกิดการสูญเสียของสารเคลือบฟัน
    • การเคี้ยวอาหารแข็งเป็นประจำ เช่น การเคี้ยวน้ำแข็ง หรือบางคนอาจเกิดจากภาวะกรดไหลย้อนทำให้ฟันสัมผัสกับกรดและเกิดการสึก ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการรู้สึกจี๊ดที่ฟัน
    • ฟันแตก หรือฟันร้าว เนื่องจากอุบัติเหตุ หรือการรับประทานอาหารแข็ง อาจทำให้เกิดการเปิดเผยให้เห็นเนื้อฟัน
    • ฟันผุ เนื่องจากการสะสมของคราบจุลินทรีย์

    ทำไมคุณถึงมีอาการเสียวฟันต่อความเย็น?

    คุณเคยสงสัยไหมว่าทำไมเวลาฟันของเราโดนความเย็นถึงรู้สึกเสียวฟันจิ๊ดขึ้นมา ซึ่งความเย็นเป็นสิ่งกระตุ้นทำให้เกิดอาการเสียวฟันที่มีสาเหตุมาจากสภาพของฟันที่บอบบางโดยสามารถแบ่งออกเป็นหลายประเภท ได้แก่

    • ฟันผุหรือโรคเหงือก : ในช่วงเริ่มต้นของฟันผุหรือโรคเหงือกจะมีการสะสมของคราบจุลินทรีย์บนฟันและเหงือกที่สามารถทำให้ฟันบอบบาง และนำไปสู่ฟันผุและโรคเหงือกถึง 80% ของความไวเริ่มต้นทำให้ฟันของเราต่อความเย็น
    • การแปรงฟันแรงเกินไป หรือแปรงฟันบ่อยเกินไป : ปัจจัยภายนอกที่อาจทำให้เกิดอาการเสียวฟันต่อความเย็น ได้แก่ การแปรงฟันแรงเกินไป การใช้ทรีทเม้นต์ฟอกสีฟันมากเกินไป หรือกรดจากอาหารและเครื่องดื่มในชีวิตประจำวัน อาทิเช่น ไวน์ กาแฟ และมะเขือเทศ ซึ่งอาจทำให้เกิดการสูญเสียเคลือบฟันได้
    • การบดฟันและความเครียด : ฟันที่ไวต่อความเย็น อาจมีสาเหตุที่เกิดขึ้นได้หากการบดฟันมากเกินไป (การนอนกัดฟัน) ทำให้เคลือบฟันสึกกร่อนและทำให้เส้นประสาทถูกสัมผัสได้ง่าย หากคุณกำลังประสบปัญหาการบดฟันควรไปพบผู้เชี่ยวชาญด้านทันตกรรมและสอบถามเกี่ยวกับตัวเลือกในการปกป้องฟันของคุณ
    • รากประสาทสัมผัสความเย็น : สาเหตุทางชีววิทยาที่อยู่เบื้องหลังของอาการเสียวฟัน เริ่มต้นที่เนื้อฟันโดยเส้นประสาทในเนื้อฟันทำให้ฟันไวต่อความเย็น เมื่อรากฟันสัมผัสความเย็นทางท่อเนื้อฟัน โดยภายในอเนื้อฟันจะเต็มไปด้วยของเหลวและเมื่อมีการกระตุ้น เช่น อากาศเย็นหรือของเหลวเย็นที่สัมผัสกับเหลวในท่อจะเคลื่อนที่และกระตุ้นเส้นประสาทฟันให้เกิดความรู้สึกเจ็บปวด
    • รอยแตกในฟัน : รอยแตกเล็ก ๆที่ฟันสามารถพัฒนารอยแตกได้เมื่อฟันของคุณขยายและหดตัวเมื่อสัมผัสกับอุณหภูมิที่ร้อนและเย็น ทำให้รอยแตกเป็นอีกทางหนึ่งไปสู่เส้นประสาทฟันทำให้ฟันไวต่อความเย็น
    • เหงือกร่น : หากฟันของคุณไวต่อความเย็นหรือความร้อนอย่างต่อเนื่อง ให้ลองมองที่ฟันใกล้ ๆ ตรวจดูแนวเหงือกเพื่อดูว่าเหงือกของคุณดึงออกจากฟันหรือไม่ ซึ่งเหงือกร่นสามารถทำให้ความร้อนและเย็นกระตุ้นไปยังเส้นประสาทในฟันได้ง่ายขึ้น

    นอกจากนี้การรักษาทางทันตกรรม เช่น การฟอกฟันขาว การทำความสะอาดฟันโดยผู้เชี่ยวชาญทางทันตกรรม การใส่ที่ครอบฟันหรือการอุดฟันแล้วกินน้ำเย็นไม่ได้ ก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้ฟันไวต่อสิ่งกระตุ้นภายนอกอีกด้วยค่ะ

    วิธีรักษาอาการเสียวฟันอย่างไรให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

    เมื่อคุณมีอาการเสียวฟันจากกิจกรรมบางอย่าง เช่น การแปรงฟัน การรับประทานอาหารและการดื่มน้ำที่อาจทำให้เกิดอาการปวดฟันได้ อาการเสียวฟันมักเป็นผลมาจากเคลือบฟันสึกหรือรากฟันสัมผัสกับสิ่งกระตุ้น อย่างไรก็ตามบางครั้งความรู้สึกจี๊ดที่ฟันอาจเกิดจากหลายปัจจัย และหากคุณรู้สึกหงุดหงิดกับอาการเสียวฟันให้ไปพบทันตแพทย์ โดยวิธีรักษาอาการเสียวฟันที่ทันตแพทย์ส่วนใหญ่แนะนำมีดังนี้

    • ยาสีฟันลดอาการเสียวฟัน : เป็นผลิตภัณฑ์ลดอาการเสียวฟัน หลังจากใช้งานหลายครั้งยาสีฟันจะช่วยลดความรู้สึกเสียวฟัน และบางยี่ห้อก็สามารถช่วยป้องกันอาการปวดที่เกี่ยวข้องกับอาการเสียวฟันได้ โดยผลิตภัณฑ์เหล่านี้มีวางจำหน่ายมากมายโดยไม่ต้องสั่งโดยแพทย์ และหากคุณยังไม่ทราบว่าจะใช้ยาสีฟันยี่ห้อไหน เราแนะนำให้ปรึกษาทันตแพทย์ว่าผลิตภัณฑ์ยีห้อใดที่เหมาะกับคุณมากที่สุด
    • ฟลูออไรด์ : การฟลูออไรด์ในบริเวณที่บอบบางของฟันโดยทันตแพทย์ เพื่อให้
    • เคลือบฟันแข็งแรงและลดอาการเสียวฟัน แต่แนะนำให้ใช้ฟลูออไรด์ตามใบสั่งแพทย์เท่านั้น
    • Desensitizing : ในบางครั้งพื้นผิวรากที่สัมผัสสามารถรักษาได้โดยการใช้เรซินพันธะกับพื้นผิวรากที่บอบบาง แต่อาจจำเป็นต้องใช้ยาชาเฉพาะที่โดยทันตแพทย์
    Desensitizing
    • การปลูกถ่ายเหงือก : หากรากฟันของคุณสูญเสียเนื้อเยื่อเหงือกไป การปลูกถ่ายเหงือกโดยการนำเนื้อเยื่อเหงือกจำนวนเล็กน้อยมาจากที่อื่นในปากของคุณและยึดติดกับบริเวณที่ได้รับผลกระทบ ซึ่งวิธีนี้สามารถป้องกันรากที่สัมผัสและลดความไวต่อความเย็นได้ดี
    • การรักษารากฟัน : หากอาการเสียวฟันของคุณทำให้เกิดอาการปวดฟันอย่างรุนแรงและการรักษาอื่น ๆ ไม่ได้ผล ทันตแพทย์อาจแนะนำให้ทำการรักษารากฟัน ซึ่งเป็นขั้นตอนที่ใช้ในการรักษาปัญหาในแกนอ่อนของฟัน (เนื้อฟัน) แม้ว่าวิธีนี้อาจดูเหมือนเป็นการรักษาที่สำคัญ แต่ก็ถือเป็นเทคนิคที่ประสบความสำเร็จที่สุดในการกำจัดอาการเสียวฟันได้ดีที่สุด

    เมื่ออาการเสียวฟันของคุณดีขึ้นแล้ว เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอาการเสียวฟันซ้ำให้แปรงฟันวันละ 2 ครั้ง ด้วยแปรงสีฟันขนนุ่มกับยาสีฟันลดอาการเสียวฟันผสมฟลูออไรด์ พร้อมกับใช้ไหมขัดฟันทุกวัน แต่ต้องใช้จังหวะที่นุ่มนวลแทนที่จะขัดถูแรง ๆ และหลีกเลี่ยงการใช้ยาสีฟันที่มีฤทธิ์กัดกร่อน หากคุณบดฟัน (นอนกัดฟัน) ให้ปรึกษาทันตแพทย์เกี่ยวกับอุปกรณ์ป้องกันช่องปาก การบดฟัน อาจทำให้ฟันแตกหักและทำให้เกิดอาการเสียวได้ อีกอย่างการเลือกรับประทานอาหารและเครื่องดื่ม เช่น น้ำอัดลม ผลไม้รสเปรี้ยว และไวน์ ซึ่งอาหารประเภทเหล่านี้สามารถขจัดเคลือบฟันได้เมื่อรับประทานเป็นเวลานาน

    10 ยาสีฟันลดอาการเสียวฟัน เพื่อสุขภาพฟันที่แข็งแรง

    เราทุกคนที่เคยรับมือกับอาการเสียวฟันมาแล้วในช่วงหนึ่งของชีวิต แต่ก็ใช่ว่าทุกคนจะโชคร้ายที่ต้องเผชิญกับปัญหานี้ สำหรับการกำจัดความเจ็บปวดจากอาการเสียวฟันทำได้ง่ายๆ อย่างการใช้ยาสีฟันลดอาการเสียวฟันก็เป็นอีกหนึ่งวิธีลดอาการเสียวฟันที่หลายๆคนเลือกใช้ ซึ่งยาสีฟันมีหลากหลายรูปแบบ และไม่ใช่ทุกชนิดจะออกแบบมาเพื่อรับมือกับอาการเสียวฟัน ซึ่งสิ่งสำคัญจะต้องทำความเข้าใจเกี่ยวกับยาสีฟันลดอาการเสียวฟัน นั่นคือประสิทธิภาพสำหรับการลดอาการเสียวฟัน และในวันนี้เราก็ได้รวบรวม 10 ยาสีฟันที่ช่วยลดอาการเสียวฟัน พร้อมทั้งดูแลสุขภาพปากและฟันให้แข็งแรง มีกลิ่นหอมสดชื่น มาฝากทุกคนจะยี่ห้อไหนกันบ้างมาดูกันเลยค่ะ

    1. Sensodyne multi care
    2. Colgate sensitive salt minerals
    3. Sensodyne extra whitening
    4. Colgate Sensitive Pro-Relief
    5. Tom’s of Maine Natural Fluoride-Free Natural Rapid Relief Sensitive
    6. Dentiste ‘Nighttime Toothpaste
    7. Hi-Herb Day & Night Care Toothpaste
    8. ยาสีฟันสมุนไพร ภูมิพฤกษา
    9. Colgate Naturals PanjaVed
    10. Himalaya Hiora-K

    Sensodyne multi care

    รายละเอียดสินค้า
    ชื่อสินค้า: Sensodyne multi care
    ปริมาณ: 100-160 g.
    ราคาโดยประมาณ: 125-185 บาท
    คุณสมบัติ: ลดการเสียวฟัน, ลดการสะสมของคราบพลัค, ป้องกันฟันผุ, ปกป้องเหงือก และลมหายใจหอมสดชื่น

    Sensodyne multi care เป็นยาสีฟันที่ช่วยลดอาการเสียวฟันสำหรับใช้เป็นประจำทุกวัน โดยมีส่วนประกอบที่สำคัญอย่าง Potassium nitrate, Sodium fluoride ที่จะแทรกเข้าสู่ท่อเนื้อฟัน เพื่อลดการเสียวฟันที่ตรงจุด อีกทั้งยังมีสารแอนตี้แบคทีเรีย ช่วยลดการสะสมของคราบพลัคที่เป็นสาเหตุหลักของโรคเหงือก และช่วยขจัดคราบ ชา กาแฟ ให้ฟันขาวสะอาด พร้อมฟลูออไรด์ป้องกันฟันผุ พร้อมทั้งมีกลิ่นหอมสดชื่น จากรสมินท์ ช่วยลดกลิ่นปาก ลมปากสะอาด ลมหายใจสดชื่น แนะนำให้ใช้แปรงฟันเป็นประจำทุกวัน วันละ 2 ครั้ง เพื่อผลลัพธ์ที่ดีมากขึ้น
    สามารถหาซื้อสินค้าได้ที่ >> Lazada , Shopee , Watsons

    Colgate sensitive salt minerals

    รายละเอียดสินค้า
    ชื่อสินค้า: Colgate sensitive salt minerals
    ปริมาณ: 120 g.
    ราคาโดยประมาณ: 246 บาท
    คุณสมบัติ: ช่วยลดการเสียวฟันได้ยาวนาน, พัฒนาขึ้นเพื่อฟันและเหงือกของผู้ที่มีอาการเสียวฟันโดยเฉพาะ

    Colgate sensitive salt minerals เป็นยาสีฟันช่วยลดอาการเสียวฟัน สูตรเกลือที่พัฒนาขึ้นเพื่อฟันและเหงือกของผู้ที่มีอาการเสียวฟันโดยเฉพาะ ซึ่งมีส่วนผสมของโปตัสเซียมไนเตรท และซอลท์ มิเนอรัลส์ เพื่อช่วยทำให้เข้าถึงบริเวณที่เสียวฟัน ช่วยลดอาการเสียวฟันได้ยาวนาน โดยสูตรนี้ถูกพัฒนามาเพื่อฟันและเหงือกของผู้มีปัญหาการเสียวฟัน แถมโปตัสเซียมไนเตรท ที่เป็นส่วนประกอบที่สำคัญยังผ่านการทดสอบทางคลินิกแล้วว่าช่วยลดอาการเสียวฟันบริเวณเนื้อที่ถูกเปิดออกอีกด้วยค่ะ สูตรนี้มีฟองโฟมละเอียดให้สัมผัสนุ่มนวลต่อเหงือก และอย่าลืมแปรงฟันเป็นประจำทุกวันอย่างต่อเนื่อง อย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง เพื่อผลลัพธ์ที่ดีมากขึ้นด้วยนะคะ
    สามารถหาซื้อสินค้าได้ที่ >> Lazada , Shopee

    Sensodyne extra whitening

    รายละเอียดสินค้า
    ชื่อสินค้า: Sensodyne extra whitening
    ปริมาณ: 113 g.
    ราคาโดยประมาณ: 430 บาท
    คุณสมบัติ: ช่วยทำให้ฟันขาว, ป้องกันการสะสมของหินปูน, ช่วยทำให้ลมหายใจสดชื่น, ป้องกันฟันผุ, ลดความไวและการป้องกันความไวที่ยาวนาน

    Sensodyne extra whitening เป็นยาสีฟันช่วยลดอาการเสียวฟันที่เหมาะสำหรับฟันที่บอบบาง สูตรปราศจากโซเดียมลอริลซัลเฟต เป็นยาสีฟันที่ทันตแพทย์สำหรับการเสริมสร้างและปกป้องเคลือบฟันที่ได้มาตรฐานการผลิตจากอเมริกา มีฟลูออไรด์ที่เหมาะสม เสริมความแข็งแรงของฟัน ช่วยต่อสู้กับฟันผุ ช่วยขจัดคราบสกปรก เพื่อช่วยให้ฟันกลับคืนสู่ความขาวตามธรรมชาติ ช่วยปกป้องฟันตลอดทั้งวัน และช่วยทำให้ลมหายใจสดชื่น ที่สำคัญมีส่วนช่วยเสริมสร้างชั้นที่ผ่อนคลายรอบ ๆ เส้นประสาทให้การปกป้องและบรรเทาความไวเพื่อบรรเทาอาการเสียวฟันตลอด 24 ชั่วโมง
    สามารถหาซื้อสินค้าได้ที่ >> Lazada

    Colgate Sensitive Pro-Relief

    รายละเอียดสินค้า
    ชื่อสินค้า: Colgate Sensitive Pro-Relief
    ปริมาณ: 110 g.
    ราคาโดยประมาณ: 83 บาท
    คุณสมบัติ: ช่วยป้องกันฟันผุ, ช่วยลดคราบพลัค, ทำให้ลมหายใจสดชื่น, ช่วยทำให้สุขภาพเหงือกดีขึ้น

    Colgate Sensitive Pro-Relief เป็นยาสีฟันที่มีนวัตกรรมเพื่อช่องปากจากคอลเกต สูตร Pro-Argin®พิเศษ ช่วยลดอาการเสียวฟันได้อย่างรวดเร็วและสร้างเสริมเกราะป้องกันที่ยาวนาน ซึ่งทำหน้าที่เหมือนผนึก อีกทั้งยังช่วยขจัดคราบบนผิวฟันอย่างอ่อนโยนและมีประสิทธิภาพ พร้อมทำให้ฟันขาวอย่างเป็นธรรมชาติ เมื่อใช้เป็นประจำจะช่วยป้องกันฟันผุ ช่วยลดคราบพลัค ทำให้ลมหายใจสดชื่น แถมยังช่วยทำให้สุขภาพเหงือกดีขึ้น
    สามารถหาซื้อสินค้าได้ที่ >> Lazada , Shopee

    Tom’s of Maine Natural Fluoride-Free Natural Rapid Relief Sensitive

    รายละเอียดสินค้า
    ชื่อสินค้า: Tom’s of Maine Natural Fluoride-Free Natural Rapid Relief Sensitive
    ปริมาณ: 113 g.
    ราคาโดยประมาณ: 379 บาท
    คุณสมบัติ: ช่วยป้องกันฟันผุ บรรเทาอาการเสียวฟันอย่างรวดเร็วและป้องกันยาวนาน

    Natural Fluoride-Free Natural Rapid Relief Sensitive เป็นยาสีฟันที่ช่วยลดอาการเสียวฟันของแบรนด์ Tom’s of Maine ซึ่งสูตรนี้เป็นสูตรธรรมชาติที่ได้รับการพิสูจน์ทางการแพทย์ ด้วยการใช้ส่วนผสมอันทรงพลังอย่างอาร์จินีนและแคลเซียมคาร์บอเนตจากแหล่งธรรมชาติ ที่ช่วยปิดผนึกช่องทางไปยังเส้นประสาทที่บอบบางของฟัน เพื่อช่วยบรรเทาอาการเสียวฟัน โดยได้รับการจดสิทธิบัตรและได้รับการพิสูจน์ทางการแพทย์ว่าช่วยบรรเทาความเจ็บปวดจากการเสียวฟันได้ใน 60 วินาที และปกป้องฟันที่บอบบางของคุณอย่างยาวนานด้วยการใช้อย่างต่อเนื่อง สูตรนี้ปราศจากฟลูออไรด์ ไม่มีรสสีหรือสารกันบูดเทียม ไม่มีส่วนผสมจากสัตว์ และไม่ได้ทำการทดสอบกับสัตว์ หลังจากใช้อย่างต่อเนื่องเป็นประจำทุกวันจะช่วยทำให้อาการเสียวฟันลดน้อยลง และช่วยทำให้ลมหายใจสดชื่นเพื่อให้คุณมั่นใจในรอยยิ้มได้ทุกวัน
    สามารถหาซื้อสินค้าได้ที่ >> Lazada

    Dentiste ‘Nighttime Toothpaste

    รายละเอียดสินค้า
    ชื่อสินค้า: Dentiste ‘Nighttime Toothpaste
    ปริมาณ: 100 g.
    ราคาโดยประมาณ: 185 บาท
    คุณสมบัติ: ช่วยดูแลทุกปัญหาเหงือกและฟันแบบครบสูตร, ลดคราบพลัค เศษอาหาร ป้องกันฟันผุ และช่วยทำให้ลมหายใจสะอาด หอมสดชื่นทั้งวัน

    Dentiste ‘Nighttime Toothpaste เป็นยาสีฟันที่มีส่วนผสมของสารสกัดจากธรรมชาติ 14 ชนิดรวมถึงน้ำยาฆ่าเชื้อตามธรรมชาติ และสารต้านแบคทีเรียที่ช่วยป้องกันแบคทีเรียในช่องปาก ลดกลิ่นปาก และรักษาโรคเหงือกอันเป็นสาเหตุของอาการเสียวฟัน โดยยาสีฟันนี้เป็นสูตรปราศจากฟลูออไรด์ ช่วยทำให้ผู้ใช้มีลมหายใจสดชื่น พร้อมกับดูแลความสะอาดของช่องปากอย่างเหนือชั้น เป็นยาสีฟันที่ช่วยให้ฟันขาวเป็นประกายใน 2 สัปดาห์ ด้วยเทคโนโลยีไฮดรอกซี่อะพาไทด์ หรือ เทคโนโลยี HAP ซึ่ง HAP เป็นสารที่มีโครงสร้างละเอียดและมีขนาดเล็กมาก ทำให้สามารถเข้าไปเติมเต็มเนื้อฟัน ที่อาจทำให้เกิดอาการเสียวฟัน ตลอดจนช่วยขจัดสิ่งสกปรกให้หลุดออกจากเนื้อฟัน จึงทำให้ฟันมีสุขภาพแข็งแรงและขาวเป็นประกาย
    สามารถหาซื้อสินค้าได้ที่ >> Lazada , Shopee

    Hi-Herb Day & Night Care Toothpaste

    รายละเอียดสินค้า
    ชื่อสินค้า: Hi-Herb Day & Night Care Toothpaste
    ปริมาณ: 120 g.
    ราคาโดยประมาณ: 79 บาท
    คุณสมบัติ: ช่วยดูแลช่องปากตลอดวัน, ช่วยลดการสะสมของ Biofilm, ให้ความชุ่มชื้นในช่องปาก, ดูแลสุขภาพเหงือก, ช่วยระงับกลิ่นปาก, ช่วยลดการก่อตัวของคราบพลัค, ปกป้องปัญหาสุขภาพเหงือก

    Hi-Herb Day & Night Care Toothpaste เป็นยาสีฟันที่มีส่วนผสมช่วยลดสาเหตุที่ก่อให้เกิดอาการเสียวฟัน ด้วยนวัตกรรมจากสมุนไพร ซึ่งเป็นทางเลือกใหม่ของคนรักสุขภาพ ที่ช่วยดูแลและป้องกันช่องปากตลอดทั้งวัน ด้วยส่วนผสมจาก Herb Guard Green Tea Extract สารสกัดจากใบชาเขียวที่ช่วยลดการสะสมของ Biofilm อันเป็นสาเหตุของฟันผุ, Licorice Extract สารสกัดจากชะเอมเทศmที่ให้ความชุ่มชื้นในช่องปาก พร้อมดูแลสุขภาพเหงือกด้วย Clove oil ที่อุดมไปด้วยสารยูจีนอล ช่วยระงับกลิ่นปาก อีกทั้งยังมี Guava Extract สารสกัดจากใบฝรั่งที่ช่วยลดการก่อตัวของคราบพลัค และ Phellodendron Bark Extract ช่วยปกป้องปัญหาสุขภาพเหงือกที่อาจก่อให้เกิดสาเหตุของอาการเสียวฟัน
    สามารถหาซื้อสินค้าได้ที่ >> Lazada , Shopee

    ยาสีฟันสมุนไพร ภูมิพฤกษา

    รายละเอียดสินค้า
    ชื่อสินค้า: ยาสีฟันสมุนไพร ภูมิพฤกษา
    ปริมาณ: 50 g.
    ราคาโดยประมาณ: 79 บาท
    คุณสมบัติ: ช่วยลดอาการเสียวฟัน, ช่วยลดอาการเหงือกอักเสบ, รักษาสุขภาพเหงือก ฟัน หรือช่องปาก, ช่วยลดกลิ่นปาก, ช่วยลดการสะสมของเชื้อแบคทีเรีย, ลดปัญหาคราบเหลืองจากชาและกาแฟ

    ยาสีฟันสมุนไพร ภูมิพฤกษา เป็นยาสีฟันสมุนไพรที่ใช้นวัตกรรมใหม่เฉพาะทางที่สามารถดูแลช่องปาก ที่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าช่วยลดกลิ่นปาก ลดอาการเสียวฟันลดอาการเหงือกอักเสบ รักษาสุขภาพเหงือก, ฟัน หรือช่องปากได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังช่วยลดการสะสมของเชื้อแบคทีเรีย ในระหว่างนอนหลับและระหว่างวันของมื้ออาหาร ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคในช่องปาก แถมยังทำให้กลิ่นปากหอม ลมหายใจหอมสดชื่นด้วยรสมิ้นท์ ลดคราบหินปูน, คราบบุหรี่, ชาและกาแฟ ด้วยเหตุนี้ยาสีฟันสมุนไพร ภูมิพฤกษา จึงเหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาในช่องปาก, ผู้ที่มีแผลร้อนใน หรือแผลอักเสบในช่องปากเป็นประจำ, ผู้ที่มีปัญหาคราบเหลือง และผู้ที่มีเชื้อแบคทีเรียในช่องปาก
    สามารถหาซื้อสินค้าได้ที่ >> Lazada , Shopee

    Colgate Naturals PanjaVed

    รายละเอียดสินค้า
    ชื่อสินค้า: Colgate Naturals PanjaVed
    ปริมาณ: 100 g.
    ราคาโดยประมาณ: 99 บาท
    คุณสมบัติ: ช่วยลดการสะสมของแบคทีเรียในช่องปาก, ช่วยฟื้นฟูเหงือกและฟันให้มีสุขภาพดี, ป้องกันฟันผุ, ทำความสะอาดช่วยลดคราบ, – ลดกลิ่นปากลมหายใจหอมสดชื่น

    Colgate Naturals PanjaVed เป็นอีกหนึ่งยาสีฟันที่มีส่วนผสมช่วยลดสาเหตุที่ก่อให้เกิดอาการเสียวฟัน สูตรนี้มีส่วนประกอบของสารสกัดจากสมุนไพรทั้ง 5 ชนิด นั่นคือ กานพลู สะเดา น้ำผึ้ง มะขามป้อม และโหระพา โดยสมุนไพรเหล่านี้ช่วยลดการสะสมของแบคทีเรียในช่องปาก ช่วยฟื้นฟูเหงือกและฟันให้มีสุขภาพดี และช่วยลดอาการฟันผุได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยาสีฟันหลอดนี้ยังมีส่วนผสมของโพแทสเซียมไนเตรต และฟลูออไรด์ที่ช่วยเสริมสร้างให้ฟันแข็งแรง และลดอาการเสียวฟันให้ดีขึ้นอีกด้วยค่ะ
    สามารถหาซื้อสินค้าได้ที่ >> Lazada , Shopee

    Himalaya Hiora-K

    รายละเอียดสินค้า
    ชื่อสินค้า: Himalaya Hiora-K
    ปริมาณ: 50 g.
    ราคาโดยประมาณ: 99 บาท
    คุณสมบัติ: ช่วยลดอาการเสียวฟัน และเหงื่อร่น, กำจัดแบคทีเรียภายในช่องปาก

    Himalaya Hiora-K เป็นยาสีฟันสูตรออร์แกนิกที่ช่วยลดอาการเสียวฟันได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีส่วนผสมหลักจากธรรมชาติอย่าง ผักโขม ที่ช่วยยับยั้งการส่งผ่านความเจ็บปวดจากฟันไปสู่เส้นประสาท อีกทั้งยังสร้างชั้นป้องกันให้แก่เนื้อฟันได้ และสารสกัดจากกานพลู ช่วยกำจัดแบคทีเรียภายในช่องปาก ที่สำคัญสูตรนี้มีส่วนผสมของโพแทสเซียมไนเตรตจากธรรมชาติจากเกลือ Suryakshara ที่มีสรรพคุณช่วยออกฤทธิ์ลดอาการเสียวฟันและเลือดออกตามไรฟันได้ และส่วนผสมของยาสมานแผลตามธรรมชาติที่ช่วยกระชับเหงือกและป้องกันไม่ให้ฟันหลุดออก ช่วยให้เหงือกกระชับพอดีกับฟันและป้องกันการสึกกร่อนของเคลือบฟันซึ่งเป็นสาเหตุหลักของการเสียวฟัน ยาสีฟัน HiOra-K เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาฟันผุ, มีอาการเสียวฟัน, เหงือกร่น เราแนะนำให้แปรงวันละสองครั้งจนกว่าอาการจะบรรเทานะคะ
    สามารถหาซื้อสินค้าได้ที่ >> Lazada

    วิธีป้องกันไม่ให้เกิดอาการเสียวฟัน

    หากคุณดื่มเครื่องดื่มร้อนหรือเย็นแล้วรู้สึกว่ามันทำให้ฟันของคุณเจ็บ นั่นอาจเป็นสัญญาณแจ้งว่าคุณกำลังมีอาการเสียวฟัน และควรพบกับทันตแพทย์เกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่อาจทำให้คุณมีอาการเสียวฟัน วิธีป้องกันไม่ให้เกิดอาการเสียวฟันมีมากมาย และบางครั้งสิ่งอื่น ๆ ก็ทำให้เกิดความรุนแรงขึ้นได้ เช่น อาหารรสเปรี้ยว หวาน หรือแม้กระทั่งอากาศเย็น ซึ่งวิธีป้องกันไม่ให้เกิดอาการเสียวฟันมีดังนี้

    • การดูแลเคลือบฟันของคุณ :
      เคลือบฟันคือชั้นป้องกันที่แข็งแรงและช่วยทำให้ฟันของคุณจัดการกับทุกสิ่งที่คุณใส่เข้าไปในปาก เมื่อมันหายไปจะทำให้เกิดความเจ็บปวดจากปลายประสาทฟันของคุณ ซึ่งหากคุณมีอาการเสียวฟันอาจเป็นไปได้ว่าเคลือบฟันของคุณบางส่วนหลุดออกไปค่ะ
    • วิธีป้องกันอาการเสียวฟันจากการรับประทานอาหาร :
      หลีกเลี่ยงอาหารและเครื่องดื่มที่เป็นกรด เช่น โซดา, คาร์โบไฮเดรตที่มีน้ำตาลสูง เช่น ขนมเหนียว ถือว่าทั้งหมดนี้ทำร้ายเคลือบฟัน แนะนำให้ทานของว่างอย่าง ผักและผลไม้ที่อุดมด้วยไฟเบอร์, ชีส, นม และโยเกิร์ตธรรมดา สิ่งเหล่านี้จะทำให้ช่องปากของคุณชุ่มชื่นและช่วยต่อสู้กับกรดและแบคทีเรียที่สามารถกัดกินฟันของคุณได้ นอกจากน้ำลายก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่จัดการกับพวกมันได้ด้วยเช่นกัน อีกทั้งคุณยังสามารถดื่มชาเขียวและชาดำ หรือเคี้ยวหมากฝรั่งที่ไม่มีน้ำตาล เพื่อต่อสู้กับกรดและแบคทีเรียได้ และถ้าคุณกินของที่เป็นกรดอย่าเพิ่งรีบแปรงฟันนะคะ ให้รอประมาณ 1 ชั่วโมงหรือมากกว่านั้นก่อนค่ะ
      • อย่าแปรงฟันแรงเกินไป :
        การแปรงฟันด้วยมือที่หนักเกินไป อาจจะถอดคราบจุลินทรีย์ออกมากกว่าการแปรงจากด้านหนึ่งไปอีกด้านหนึ่งตามแนวเหงือก ซึ่งการกระทำแบบนี้สามารถทำให้เคลือบฟันของคุณหลุดออกไปได้เร็วขึ้น แนะนำให้คุณควรใช้แปรงขนนุ่มและทำมุม 45 องศา พร้อมกับการหมั่นหมากฝรั่ง เพื่อให้เคลือบฟันสะอาดและแข็งแรงมากขึ้น
      • หลีกเลี่ยงการบดฟันและความเครียด :
        เมื่อเวลาผ่านไปการบดฟันจะทำให้เคลือบฟันของคุณหลุดออกไปได้ และบางครั้งการจัดการกับความเครียดของคุณสามารถหยุดปัญหาอาการเสียวฟันได้ หากไม่ได้ผลทันตแพทย์ส่วนใหญ่แนะนำให้คุณใส่เฝือกหรืออุปกรณ์ป้องกันช่องปาก และหากปัญหารุนแรงคุณอาจต้องทำฟันเพื่อเปลี่ยนตำแหน่งฟันค่ะ

      บทส่งท้าย

      สำหรับ 10 ยาสีฟันลดอาการเสียวฟันที่เรานำมาแนะนำนี้จะช่วยกำจัดอาการเสียวฟันของคุณ อีกทั้งยาสีฟันเหล่านี้ยังมีส่วนช่วยดูแลสุขภาพปากและฟัน ทำให้ฟันสะอาดและมีกลิ่นปากที่หอมสดชื่นอีกด้วยค่ะ และเพื่อไม่ให้เกิดอาการเสียวฟันคุณควรดูแลเคลือบฟันให้ดี เพราะมันคือชั้นป้องกันฟันที่แข็งแรงและช่วยให้ฟันจัดการกับทุกสิ่งที่คุณใส่เข้าไปในปาก หากเคลือบฟันหายไปจะทำให้เนื้อฟันเปิดเผยส่งผลให้สิ่งกระตุ้นภายนอกเข้าไปโดนกับเส้นประสาทฟันทำให้เรารู้สึกเจ็บปวดบริเวณรากฟัน หรือรู้สึกจี๊ดที่ฟัน และเพื่อไม่ให้เกิดอาการเสียวฟันซ้ำซากเราแนะนำให้แปรงฟันวันละ 2 ครั้งด้วยแปรงสีฟันขนนุ่ม พร้อมกับยาสีฟันลดอาการเสียวฟัน อีกทั้งอย่าลืมนำเคล็ดลับการดูแลและป้องกันฟันไม่ให้เกิดอาการเสียวฟันไปใช้กันนะคะ รับรองเลยว่าปัญหาเกี่ยวกับการเสียวฟันจะหมดไปแน่นอนค่ะ

      นักเขียน: Suwanna Preebunpul

      สวัสดีค่ะ ผู้อ่านที่น่ารักทุกท่าน นักเขียนออยนะคะ ไลฟ์สไตล์ส่วนตัว ชอบท่องเที่ยว ถ่ายรูป เขียนบทความแนวแนะนำสินค้า, เทคโนโลยี,สาระความรู้, แฟชั่น และGraphic Design ด้วยความที่ส่วนตัวชอบทำอะไรใหม่ๆอยู่เสมอ ในอนาคตข้างหน้าอาจจะมีงานเขียนแนวใหม่ๆออกมา ยังไงก็ฝากติดตามผลงานด้วยนะคะ